"นักวิชาการ" คาดแก้ปัญหาหมูแพงใช้เวลานาน แนะรัฐปรับแผนรับมือ ASF ระบาด

"นักวิชาการ" คาดแก้ปัญหาหมูแพงใช้เวลานาน แนะรัฐปรับแผนรับมือ ASF ระบาด

"สถาบันคลังสมองฯ" จี้รัฐบาลยอมรับไทยมีโรค ASF ระบาดในหมู ชี้ปกปิดประชาชนไม่ได้เพราะการระบาดเกิดไปในวงกว้างแล้ว หากปิดบังรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ เแนะใช้กลไกปศุสัตว์ภาคแก้ปัญหาตัดวงจรการระบาดในพื้นที่ คาดหมูแพงอีก 3 ปี หลังแม่หมู หมูขุนขาดตลาด

นายสมพร อิศวิลานนท์ นักวิชาการอาวุโส สถาบันคลังสมองของชาติ เปิดเผย “กรุงเทพธุรกิจ” ถึงปัญหาราคาหมูราคาแพงว่าเกิดจากสาเหตุหลายอย่างแต่สาเหตุที่ทำให้ปัญหารุนแรงมากขึ้นในขณะนี้คือเรื่องของโรคระบาดในหมูซึ่งเป็นปัญหาที่มีต่อเนื่องมา 2 – 3 ปี แล้ว

ทั้งนี้ตนได้มีการหารือกับนายวิวัฒน์พงษ์ วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคม ผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รวมทั้งลงพื้นที่ฟาร์มเลี้ยงหมูในหลายพื้นที่ได้รับฟังปัญหาจากเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูซึ่งสะท้อนว่าการระบาดของโรคระบาดหมูในไทยเป็นโรคที่เรียกว่าโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ "โรค ASF" ซึ่งโรคนี้เมื่อเกิดขึ้นหมูจะตายยกฟาร์ม เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงที่ไม่มีวัคซีนป้องกัน โดยการป้องกันโรคเมื่อพบว่ามีความเสี่ยงและการระบาดก็ต้องฆ่าหมูยกฟาร์ม โดยการระบาดของ ASF สอดคล้องกับหลักฐานพบการระบาดโรคนี้ในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่ปรากฎหลักฐานออกมาก่อนหน้านี้

นายสมพร กล่าวว่าเมื่อเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นในประเทศไทยประกอบกับปัญหาต่างๆ ได้แก่ ต้นทุนอาหารสัตว์ราคาแพงจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เป็นวัตถุดิบหลักของไทยราคาสูงกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากราคารับประกันข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เราสูงกว่าตลาดโลก และดีมานต์ของหมูในประเทศลดลงมากในช่วงโควิด-19 ทำให้ผู้เลี้ยงหมูจำนวนมากโดยเฉพาะรายกลางจนถึงรายเล็กที่ไม่มีสายป่านยาวพอก็เลิกกิจการเลี้ยงหมูไปทำให้หมูขาดจากระบบไปมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คาดว่าวงจรราคาหมูแพงจะอยู่อีก 3 ปีเนื่องจากตอนนี้ขาดแคลนทั้งแม่หมู และลูกหมูขุน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำให้ซัพพายในตลาดกลับมาปกติ

สำหรับในเรื่องโรคระบาด ASF นายสมพรกล่าวว่าถึงเวลาที่กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องยอมรับว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย และนำเสนอแนวทางวิธีการแก้ปัญหาต่อรัฐบาล เพราะเรื่องนี้คือปัญหาใหญ่รัฐบาลต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง และแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ถ้าไม่ยอมรับว่าปัญหานี้เกิดขึ้นแล้วความจริงปรากฎออกมามากขึ้นเรื่อยๆรัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะเข้าข่ายปิดบังความจริงประชาชน

“ตอนนี้ปัญหา ASF เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในวงกว้าง ไม่สามารถจะปิดบังกันได้ ไม่ได้ เดิมนั้นกรมปศุสัตว์อาจไม่ยอมรับได้เพราะเรื่องเกิดขึ้นบางพื้นที่ก็แก้ปัญหาไป แต่ตอนนี้เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ก็ต้องพูดความจริงเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบอย่าไปคำนึงถึงแค่ผลประโยชน์จากการส่งออกเพราะการระบาดทำให้ขาดแคลนหมูในประเทศแล้ว หากไม่พูดความจริงกันจะเป็นเรื่องใหญ่ทางการเมืองแล้วรัฐบาลก็จะอยู่และเป็นเรื่องของโรคระบาดที่ต้องควบคุมแก้ไขอย่างถูกวิธีเพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่การแก้ปัญหาเพื่อตอบโจทย์ทางการเมือง” นายสมพร กล่าว

สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาโรคระบาด ASF นายสมพรกล่าวว่าจำเป็นต้องจัดการเหมือนการควบคุมโรคระบาดในสัตว์คือกรมปศุสัตว์ต้องใช้กลไกปศุสัตว์ภาค และเขตพื้นที่ลงสำรวจฟาร์มหมูอย่างจริงจังหากพบการระบาดต้องมีการทำลาย ห้ามเคลื่อนย้าย และต้องทำพื้นที่กันชนกับเพื่อนบ้านในประเทศที่มีการพบการระบาดมากด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าหมูเป็นหรือหมูตายจากภายนอกเข้ามาในประเทศ