เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ส่ง LH-THAIPE1UI กองทุนหุ้นนอกตลาดแรกของไทย

เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ส่ง LH-THAIPE1UI กองทุนหุ้นนอกตลาดแรกของไทย

เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ชูการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่มั่นคงในทุกภาวะเศรษฐกิจ เปิดกองทุนใหม่ LH-THAIPE1UI กองแรกของไทยลงทุนในหุ้นนอกตลาด เน้นบริษัทขนาดกลางศักยภาพสูงกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย พร้อมผู้เชี่ยวชาญ คัดสรรธุรกิจเด่นดันมูลค่าธุรกิจ ปั้นกำไรใน 7 ปี 

นายตรีพล ภูมิวสนะ ไพรเวท แบงกิ้ง บิซิเนส เฮด ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย   เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า  เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง  (KBank Private Banking ) มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขอบข่ายการลงทุนและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ตราสารทุนนอกตลาด หรือ ไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) ผ่านรูปแบบของกองทุน

ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มีการแกว่งตัวสูง และมีโอกาสในการทำกำไรที่ยากขึ้น ไพรเวทอิควิตี้จึงถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถลดความผันผวนของพอร์ต และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ก่อนหน้านี้ KBank Private Banking ได้นำเสนอกองทุนไพรเวทอิควิตี้ ซึ่งลงทุนในหุ้นนอกตลาดของบริษัทต่างประเทศไปแล้ว 2 กองทุน ซึ่งกองแรกสามารถสร้างผลกำไรเฉลี่ยกว่า 40% ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และกองที่สองก็มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นได้เช่นกัน

เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง ส่ง LH-THAIPE1UI กองทุนหุ้นนอกตลาดแรกของไทย

 

ล่าสุด KBank Private Banking ได้ร่วมกับ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดตัวกองทุนใหม่ LH-THAIPE1UI ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอขายหุ้นนอกตลาดของบริษัทไทยในรูปแบบของกองทุน โดยจะทำการลงทุนผ่านกองทุนหลัก Fullerton Thai Private Equity Fund ที่สิงค์โปร์ เน้นลงทุนในธุรกิจขนาดกลาง 8 – 12 บริษัท

โดยบริษัทเหล่านี้จะถูกคัดเลือกอย่างเป็นระบบจากหลากหลายแหล่ง จากนั้นผู้จัดการกองทุน จะนำทีมงานเข้าไปช่วยผลักดันให้บริษัทมีการเติบโตตามเป้าหมาย และทำให้บริษัทที่ลงทุนมีความพร้อมที่จะระดมทุน IPO ในตลาดหลักทรัพย์ได้ จึงจะขายเพื่อทำกำไรหรือนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ในที่สุด 

กองทุน LH-THAIPE1UI มีเกณฑ์หลักๆ ในการคัดเลือกบริษัทเป้าหมาย คือ เป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง มีรายได้ระหว่าง 500 – 3,000 ล้านบาท และมีกำไรอยู่แล้วหรือเคยทำกำไรได้ดีแต่ประสบปัญหาระยะสั้น ไม่ไช่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่ยังไม่เคยมีกำไร อีกทั้งบริษัทเป้าหมายจะอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ได้แก่ ค้าปลีก อาหาร การผลิตและอุตสาหกรรมขั้นสูง การศึกษา เทคโนโลยีและข้อมูล สุขภาพและการแพทย์ และบริการด้านการเงิน การเลือกบริษัทเช่นนี้ทำให้ความเสี่ยงของกองทุนน้อยกว่าการเน้นแต่ลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพหรือบริษัทที่ร่วมลงทุน หรือ Venture Capital 


นายตรีพล กล่าวต่อไปว่า ไพรเวทอิควิตี้เป็นสินทรัพย์นอกตลาด ผู้จัดการกองทุนหลักจึงมีบทบาทที่สำคัญมากในการคัดสรรบริษัทเป้าหมาย และนำมาจัดสรรอยู่ในพอร์ตการลงทุน กองทุน LH-THAIPE1UI ถือเป็นการผนึกกำลังขององค์กรชั้นนำ ได้แก่ ผู้จัดการกองทุนหลัก Fullerton Fund Management ซึ่งมีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านไพรเวทอิควิตี้ พร้อมด้วยคำปรึกษาจาก Hatton Equity Partners ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดไทย โดยจุดเด่นของกองทุนนี้คือ ระยะเวลาการลงทุนสั้นกว่าการลงทุนลักษณะเดียวกันในต่างประเทศ เน้นบริษัทเป้าหมายในประเทศไทยที่มีศักยภาพในการพัฒนาและการเติบโตที่รวดเร็ว


นายมาร์ค หยวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ของ Fullerton Fund Management กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปีในการบริหารจัดการการลงทุน Fullerton Fund Management มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้แก่กลุ่มนักลงทุนที่หลากหลาย ทีมงานด้านไพรเวทอิควิตี้ของเรามีประสบการณ์โดยเฉลี่ยถึง 13 ปี และความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง รวมถึงมีกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งในการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่นักลงทุนได้

โดยเราและ Hatton Equity Partners ซึ่งเป็นที่ปรึกษาร่วมของกองทุน จะร่วมวางกลยุทธ์ในการผลักดันการเติบโตของบริษัทที่เข้าลงทุน พัฒนาให้บริษัทมีสถานะทางบัญชีและการบริหารจัดการที่เหมาะสม เพื่อโอกาสในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อไป

สำหรับกองทุน LH-THAIPE1UI เป็นกองทุนสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษเท่านั้น มีระยะการเวลาการลงทุน 7 ปี พร้อมการขยายการลงทุนไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี