"ภาษีคริปโทฯ" ต้องมองทุกมิติ
หนึ่งในวิธีที่ทำให้ "เรื่องร้อน" อย่าง "ภาษีคริปโทฯ" เข้าสู่ระบบ กฎ กติกาที่ถูกที่ควร มีความเหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป น่าจะเป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย
ประเด็นการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) นับเป็นประเด็นร้อนที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ นวัตกรรมโลกการเงินที่เปลี่ยนไปรวดเร็ว ทำให้กฎ กติกา การกำกับดูแล ต้องปรับให้สอดคล้องตามไปด้วย คริปโทเคอร์เรนซี หรือเงินสกุลดิจิทัล ได้รับความสนใจจากนักลงทุนรุ่นใหม่เป็นจำนวนมาก แม้กระทั่งนักลงทุนมือเก๋า บิ๊กคอร์ปชั้นนำ ก็ให้ความสนใจมากขึ้น เพราะหลายคนยกให้เป็นการเงินในโลกอนาคต ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลก
หากช่วงที่ผ่านมา การรับรู้ของคนกลุ่มหนึ่ง ยังมอง สกุลเงินดิจิทัล หรือการซื้อขายเงินสกุลดิจิทัล ถ้าไม่วางกติกาให้ชัด ปล่อยให้เกิดขึ้น มีอยู่ ดับไป ตามธรรมชาติ คงไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นเส้นทางโล่ง โปร่ง สบาย ทันสมัยบนเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ปลอดภัยสูง แต่เอื้อให้เกิดธุรกรรมผิดกฎหมายง่ายขึ้น เป็นแหล่งฟอกเงินชั้นดี ซึ่งเป็นข้อหาติดตัวมาแต่เกิดของเงินสกุลดิจิทัล แม้จะตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปได้ แต่จะไม่มีวันรู้ว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีเหล่านั้น
หากมองมุมกลับกัน คนอีกกลุ่มมองว่า นี่คือนวัตกรรมโลกการเงินยุคใหม่ที่ไร้คนกลาง การทำธุรกรรมจะปลอดภัยมากกว่าที่เคยเป็น ไม่ต้องกังวลว่าธนาคารจะล้ม สถาบันการเงินจะเจ๊ง ที่สำคัญการลงทุนในคริปโทฯ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล คือ ทางเลือกการลงทุนรับโลกอนาคต ซึ่งแน่นอนว่า ถูกจริตกับคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก จนผู้ใหญ่ในโลกยุคเก่าบางกลุ่มแสดงความกังวลออกมาอย่างชัดเจน
หากวัยรุ่น ลูกหลาน นิยมใช้ช่องทางนี้ระดมทุนแบบผิดๆ อาศัยช่องโหว่ที่ไร้กฎ กติกา มารยาท ซื้อขายกันอย่างครึกโครม เกิดผลเสียหายตามมาเป็นลูกโซ่จะทำอย่างไร รวมไปถึง “ความหวั่นไหว” ของผู้ดูแล คุมกฎเกณฑ์ในโลกการเงินแบบเดิม ที่กำลังถูกสั่นคลอนด้วยระบบใหม่ ไร้การควบคุม อาจกำลังคิดว่าตัวเองถูกนวัตกรรมการเงินไล่ล่า และถูกด้อยค่าความสำคัญลงเสียแล้ว
‘กรุงเทพธุรกิจ’ ทำโพลสำรวจประเด็นร้อนเรื่องการเก็บภาษีคริปโทฯ สอบถามความเห็นของ 150 ซีอีโอ พบว่า ซีอีโอเกินครึ่ง หรือราว 52.7% หนุนให้เก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) ขณะที่ซีอีโอ 48% เห็นว่าไม่ควรเก็บ เหตุผลที่ควรเก็บ เพราะมองว่า เป็นการสร้างมาตรฐานการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความเป็นสากล สกัดการเลี่ยงภาษีที่อาจนำไปสู่ธุรกรรมใต้ดิน และรัฐจะขาดรายได้ส่วนนี้ไป หากเก็บภาษี รัฐจะได้รายได้เพิ่มขึ้น แถมป้องกันการฟอกเงินได้ด้วย
การทบทวน พินิจ พิจารณา ข้อดี ข้อเสีย ของการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรมสรรพากร จึงต้องเน้นความรอบด้าน ดูปัจจัยรายล้อมให้ครอบคลุมทุกมิติ ดึงความคิดความกังวลของผู้ใหญ่ในโลกยุคเก่า และแนวคิดนอกกรอบ พร้อมก้าวสู่โลกการเงินยุคใหม่ของคนรุ่นใหม่ จับมาเบลนด์รวมให้กลมกล่อม ผสมผสานให้ได้แนวทาง หรือทางออกที่เหมาะสม เราเห็นว่า หนึ่งในวิธีที่ทำให้ “เรื่องร้อน” เข้าสู่ระบบ กฎ กติกาที่ถูกที่ควร มีความเหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับบริบทของโลกที่เปลี่ยนไป น่าจะเป็นทางออกที่ดีกับทุกฝ่าย