ARROW - ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

ARROW - ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานงวด 3Q21 เท่ากับ 205.1 ล้านบาท ชะลอตัวลง -27.5%QoQ และ -34.7%YoY โดยคำสั่งซื้อที่หายไป  เกิดจากผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์แคมป์ก่อสร้าง

ในช่วงเดือน ก.ค.ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 29.0% ลดลงจาก 39.3% ใน 2Q21 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากซัพพลายเหล็กในจีนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบเหล็กดีดตัวสูงขึ้น แต่ดีกว่าหากเทียบกับ 3Q21 ที่ 25% ขณะ ที่ %SG&A เพิ่มสูงขึ้นจาก  14.8% ใน 2Q21 และ 10.5% ใน 3Q20 เป็น 21.0% เนื่องจากมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญของบ.ย่อย (เมฆา-เอส) ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 3Q21 เท่ากับ 21.8 ล้านบาท ชะลอตัวลง -63.5% QoQ และ -43.0% YoY โดยกำไรสุทธิ 9M21 คิดเป็น 79.1% ของประมาณการทั้งปี
 

คาดว่าผลประกอบการฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายดีขึ้น

เราคาดว่าผลประกอบการในปี 22 จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 21 หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายดีขึ้น ส่งผลให้งานโครงการต่างๆกลับมาดำเนินกิจการได้ ประกอบกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐบาล คาดว่าจะออกมามากกว่า 3 แสนล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการสนามบิน โครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน โดย ณ สิ้นปี 21 บริษัทมียอด Backlog กว่า 1,000 ล้านบาท ที่จะทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 21 และต่อเนื่องในปี 22 ในส่วนของราคาวัตถุดิบเหล็กมีการปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับบริษัทได้มีการปรับราคาขายขึ้นราว 10-15% เพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราประมาณการรายได้ปี 21-22 ที่ระดับ 1,163.7 ล้านบาท -10.1%YoY และ 1,210.6 ล้านบาท +4.0%YoY พร้อมคาดกำไรสุทธิที่ 133.5 ล้านบาท -21.0%YoY และ 156.1 ล้านบาท +17.0%YoY  ตามลำดับ
 

คงคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 22 เท่ากับ 9.80 บาท

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และประเมินราคาเหมาะสมอิง PER ที่ 16 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) ภายใต้สมมติฐานประมาณการปี 22 ราคาเหมาะสมเท่ากับ 9.80 บาท ยังมี Upside จากราคาปัจจุบันราว 18.1% พร้อมคาด Dividend Yield ราว 5.4%


ความเสี่ยง

i)    การบังคับใช้มาตรการ AD ในสินค้าเหล็กอาบสังกะสี 
ii)    ราคาวัตถุดิบเหล็กผันผวน 
iii)    การลงทุนภาครัฐล่าช้ากว่าแผน