กองทุน ESG มาแรง 3 ปีเติบโต 10 เท่าตัว เงินสะพัด 3.6 หมื่นล้าน
"บล.เอเซีย พลัส" ชี้เทรนด์ ESG มาแรง มูลค่ากองทุนช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 10 เท่าตัว มูลค่า NAV ทะลุ 3.6 หมื่นล้าน เหตุนักลงทุนให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กระแสความยั่งยืน (ESG) เป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่มาเร็วและแรงมาก หากประเทศไทยไม่เริ่มให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ เราอาจจะตกขบวนได้
ในส่วนของการลงทุน จากข้อมูลกองทุน ESG ในสหรัฐ พบว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จาก 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 มาอยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ราว 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
เช่นเดียวกับประเทศไทยที่กองทุน ESG มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจำนวนกองทุนระหว่างปี (2562-2564) อยู่ที่ 5 กองทุน 23 กองทุน และ 47 กองทุน ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ 590 ล้านบาท 3,889 ล้านบาท และ 36,583 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโตกว่า 10 เท่าตัว
นอกจากนี้ ราคาหุ้นบริษัทที่มีความโดดเด่นด้าน ESg ยังให้ผลตอบแทนชนะตลาด จากข้อมูลของ MSCI พบว่าผลตอบแทนของหุ้น ESG อยู่ที่ 19.3% เทียบกับผลตอบแทนของตลาดที่ 15.8% ส่วนข้อมูลของ SET ในช่วงปี 2563-2564 ดัชนี THSI หรือดัชนีหุ้นยั่งยืน ให้ผลตอบแทน 6.3% ขณะที่ดัชนี SET ให้ผลตอบแทนเพียง 4.9% เท่านั้น
“จากสภาพแวดล้อมโลกที่แปรปรวนอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ลงทุนเริ่มตระหนักถึงการลงทุนที่สนับสนุนความยั่งยืนมากกว่าการลงทุนเพื่อหวังผลในช่วงสั้น สะท้อนจากเม็ดเงินจำนวนมากที่ไหลเข้ามาลงทุนในกองทุน ESG ดังนั้น เราจึงมองว่าการดำเนินการเรื่องความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ได้สูญเปล่า เพราะมีเม็ดเงินจำนวนมากที่สนใจลงทุน”