"น้ำมันปาล์ม"แพงสุดเป็นประวัติการณ์"หุ้น"ไหนได้ประโยชน์?

“น้ำมันปาล์ม” เป็นหนึ่งในสินค้าที่ขึ้นมาต่อเนื่อง ตอนนี้ในหลายพื้นที่ราคาพุ่งแตะขวดละ 60 บาทเป็นที่เรียบร้อย เทียบกับช่วงปลายปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ ขวดละ 50 บาท ทำให้ต้นทุนของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องใช้น้ำมันปาล์มประกอบอาหาร

 

ราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้นเป็นไปตามราคาผลปาล์มสดที่ตอนนี้เรียกว่าแพงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือ กว่าในรอบ 60 ปีที่มีการปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทย โดย ปัจจุบันราคาจ่อทะลุกิโลกรัมละ 12 บาท

 

 

ซึ่งจากข้อมูลของกรมการค้าภายใน ณ วันที่ 19 ม.ค. 2565 ราคาปาล์มทะลายที่โรงงานรับซื้อ 18% ในแหล่งผลิตสำคัญ 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ และชุมพร อยู่ที่ 10.50-11.70 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับราคาเฉลี่ยสิ้นปี 2564 ที่ 8.97 บาทต่อกิโลกรัม

ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาปาล์มและน้ำมันปาล์มบรรจุขวดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณผลผลิตลดลง โดยปีที่ผ่านมาผลผลิตปาล์มของอินโดนีเซียและมาเลเซียผู้ผลิตปาล์มรายใหญ่ของโลกลดลงกว่า 5% จากผลกระทบของโควิด ทำให้แรงงานขาดแคลน ไม่มีคนงานออกไปเก็บเกี่ยวผลผลิต ขณะเดียวกันต้นทุนในการปลูกปาล์มของเกษตรกรสูงขึ้นตามราคาปุ๋ย

นอกจากนี้ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว การค้า การขาย การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคัก ทำให้มีดีมานด์ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น สวนทางซัพพลายที่ลดลง ยิ่งทำให้ราคาปาล์มดีดตัวสูงขึ้น โดยกรมการค้าภายในคาดว่าราคาปาล์มจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงเดือนก.พ. นี้ เพราะจะมีปริมาณผลผลิตรอบใหม่เริ่มทยอยออกสู่ตลาด

ขณะที่ในฝั่งตลาดทุนราคาปาล์มที่พุ่งแรง กลายเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันปาล์ม โดยสัปดาห์ที่ผ่านราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้าทำนิวไฮในรอบ 2 เดือน นำโดย บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ CPI ทำจุดสูงสุดที่ 3.70 บาท โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มประเภทต่างๆ ทั้งน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ น้ำมันเมล็ดในปาล์มบริสุทธิ์ และน้ำมันปาล์มโอเลอินตราลีลา

นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์พลอยได้อื่นๆ เช่น ไขปาล์มบริสุทธิ์ กรดไขมันปาล์มและกากเมล็ดในปาล์มสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมพลังงาน

ผลประกอบการล่าสุดงวด 9 เดือนปี 2564 มีกำไรสุทธิรวม 235.50 ล้านบาท เทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 159.05 ล้านบาท ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 6.61, เท่า P/BV 0.99 เท่า

บริษัท วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ VPO ธุรกิจหลักมีสวนปาล์ม พลังงานทดแทนจากของเสียหรือสิ่งเหลือใช้จากโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ และธุรกิจขนส่งน้ำมันปาล์มดิบ ผลปาล์มทะลาย เมล็ดในปาล์ม น้ำเสียที่บำบัดแล้วและอื่นๆ

งวด 9 เดือนปี 2564 พลิกมีกำไร 49.38 ล้านบาท จากปี 2563 ขาดทุน 29.34 ล้านบาท ราคาหุ้น VPO ซื้อขายที่ระดับ P/E 22.48 เท่า และ P/BV 3.31 เท่า โดยราคาหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทำจุดสูงสุดที่ 2.42 บาท

ส่วน บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UVAN ทำจุดสูงสุด 7.10 บาท บริษัทเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบรายใหญ่ของไทย โดยผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 715.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 อยู่ที่ 329.12 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นมี P/E 8.7 เท่า, P/BV 1.78 เท่า

บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST ขึ้นไปทำจุดสูงสุดของสัปดาห์ที่ 6.50 บาท โดยบริษัทมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่จังหวัดตรัง และโรงกลั่นน้ำมันพืชในนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยมีสินค้าเรือธงที่รู้จักกันดี คือ น้ำมันปาล์มตราหยก

สำหรับงวด 9 ปี 2564 ทำกำไรเข้ากระเป๋าไปแล้ว 393.86 ล้านบาท เทียบกับปี 2563 ที่ 383.02 ล้านบาท และปัจจุบันราคาหุ้นเทรดที่ P/E 9.27 เท่า และ P/BV 1.23 เท่า

และ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC บริษัทลูกของ LST ทำสวนปาล์มและโรงสกัด งวด 9 เดือนปี 2564 มีกำไร 196.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2563 ที่ 125.10 ล้านบาท โดยราคาหุ้นซื้อขาย P/E 7.95 เท่า และ P/BV 1.71 เท่า ขณะที่ระหว่างสัปดาห์ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 7.25 บาท

ถือว่าสปอร์ตไลท์ตอนนี้กำลังส่องมาที่หุ้นน้ำมันปาล์ม จากอานิสงส์ราคาน้ำมันปาล์มพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หนุนผลประกอบการปีนี้เติบโตร้องแรง นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องเงินปันผล

แต่ด้วยราคาหุ้นที่ขึ้นมาเยอะ ควรเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันปาล์มตลาดโลกให้ดี เสี่ยงที่จะมีการปรับฐานหลังผลผลิตฤดูกาลใหม่ออกสู่ตลาด