Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 24 January 2022

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 24 January 2022

ราคาน้ำมันดิบยืนระดับสูงต่อเนื่อง จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบโลกตึงตัวจากความไม่สงบภายในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 84-89 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 86-91 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

Thaioil Weekly Oil Market and Outlook as of 24 January 2022

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (24 - 28 ม.ค. 65)

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังตลาดได้รับแรงหนุนจากอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ยังคงตึงตัว จากความไม่สงบภายในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาทิเช่น คาซัคสถาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซีย เป็นต้น และการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างจำกัดของกลุ่มโอเปคพลัส ทำให้ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มากนัก อย่างไรก็ตามแผนการระบายน้ำมันจากคลังเก็บน้ำมันสำรองเชิงยุทธศาสตร์ของจีน และจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลความตึงตัวของอุปทานน้ำมันดิบ 
 

 

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

-  ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศของผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาทิเช่น เหตุการณ์ความไม่สงบจากการโจมตีของกลุ่มกบฎฮูตี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย และยูเครน โดยสหรัฐฯ ระบุว่ารัสเซียมีแผนที่จะโจมตียูเครน หากการเจรจาไม่สามารถหาข้อยุติได้ นอกจากนั้นยังมีเหตุระเบิดท่อขนส่งน้ำมัน Kirkuk-Ceyhan มีปริมาณขนส่งราว 450 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งขนส่งน้ำมันจากอิรักสู่ท่าส่งออก ในประเทศตุรกี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีเพลิงไหม้ถูกระงับเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะกลับมาดำเนินการขนส่งได้อีกครั้งโดยเร็ว 

-  อุปทานน้ำมันดิบจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบและพันธมิตร หรือกลุ่มโอเปคพลัส ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด และมีแนวโน้มไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากหลายประเทศสมาชิก เช่น คองโก ไนจีเรีย และลิเบีย ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตตามข้อตกลงได้ เพราะติดข้อจำกัดกำลังการผลิตสูงสุดและความไม่สงบในประเทศ โดยล่าสุดอัตราความร่วมมือตามข้อตกลง (OPEC Compliance) ในเดือน ธ.ค. 64 ปรับสูงขึ้นแตะระดับ 127% เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. 64 ที่ 120% 
 

-  รายงานประจำเดือน ม.ค. 65 ของสำนักงานพลังงานสากล หรือ IEA ปรับเพิ่มปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลกในปี 65 ขึ้นราว 0.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากรายงานเดือนก่อนหน้า แตะระดับ 99.71 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันและเศรษฐกิจมากนัก ประกอบกับหลายประเทศไม่เลือกใช้มาตรการเข้มงวดในการจำกัดการแพร่ระบาด นอกจากนั้น IEA คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคพลัสในปี 65 อาจจะเพิ่มขึ้นเพียงเดือนละ 0.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับข้อตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเดือนละ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากไนจีเรีย และแองโกลา อาจไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ตามข้อตกลง เนื่องจากปัญหาด้านเทคนิค และการปิดซ่อมบำรุงที่ล่าช้า 

-  นักวิเคราะห์คาดว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสอยู่ที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในช่วงไตรมาส 1/65 หลังอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างจำกัดของกลุ่มโอเปคพลัส ประกอบกับปริมาณความต้องการใช้น้ำมันที่อาจจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

-  หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้จีนมีแผนที่จะระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือในช่วงวันที 31 ม.ค. ถึง 6 ก.พ. 65 โดยการปล่อยน้ำมันดิบดังกล่าว เป็นความร่วมมือกันระหว่างจีน สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เพื่อลดความร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบ

- น้ำมันดิบสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลัง Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 14 ม.ค. 65 เพิ่มขึ้น 13 แท่นสู่ระดับ 601 แท่น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 64 

-  สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนยังคงแพร่ระบาดในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดจำนวนยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านรายต่อวัน รายงาน ณ วันที่ 19 ม.ค. 65 จากองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยสหรัฐฯ และยุโรปพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด ล่าสุดญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 6 พันรายในวันเดียว คาดการณ์ว่าหากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลญี่ปุ่นอาจใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอีกครั้ง 

-   เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมกลุ่มยูโรโซน และสหราชอาณาจักร เดือน ม.ค. 65 การตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ จีดีพีสหรัฐฯไตรมาส 4/64 

 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (17 – 21  ม.ค. 65)  
 

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 85.14 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 1.83 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 87.89 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 85.20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวเนื่องจากความไม่สงบในประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบ อาทิเช่น ลิเบีย คาซัคสถาน และการเพิ่มกำลังการปริมาณผลิตน้ำมันดิบอย่างจำกัดของกลุ่มโอเปคพลัส อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสหรัฐฯ และยุโรป และมีการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้