“พลังงาน” ย้ำท่อน้ำมันในทะเลรั่วที่ระยองไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมัน
“พลังงาน” ย้ำท่อน้ำมันในทะเลรั่วที่ระยองไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมัน ชี้ไทยมีกำลังกลั่นน้ำมันประมาณ 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากโรงกลั่น SPRC ไม่สามารถดำเนินการได้ สามารถเพิ่มการผลิตโรงกลั่นอื่นทดแทน
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การรั่วไหลของน้ำมันดิบจากท่อใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 มกราคม 2565 ณ บริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึก หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง ซึ่งหลังเกิดเหตุ ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการใช้น้ำยาและอุปกรณ์เพื่อขจัดคราบน้ำมันอย่างเร่งด่วน
รวมทั้งได้เร่งประสานหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมสิ่งแวดล้อม (EMCC), ศูนย์บัญชาการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าว, ชุมชนกลุ่มประมงใกล้เคียง, ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ในการช่วยกันดำเนินการเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กระทรวงพลังงาน ได้ตรวจสอบกับ SPRC โดยบริษัทได้ชี้แจงว่ามีปริมาณน้ำมันดิบในทะเล 20 ตัน (20,000 ลิตร) ซึ่งกระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน ติดตามสถานการณ์และตรวจสอบปริมาณน้ำมันสำรอง พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อการจัดหาน้ำมันเพื่อรองรับการใช้ของประเทศอย่างแน่นอน รวมถึงมอบหมายให้พลังงานจังหวัดระยองติดตามสถานการณ์และประสานงานในพื้นที่
“ในภาพรวมประเทศไทยมีกำลังการกลั่นน้ำมันประมาณ 1.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในส่วนของโรงกลั่น SPRC มีกำลังการกลั่นประมาณ 175,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งการผลิตของโรงกลั่น SPRC ยังสามารถดำเนินการได้ และหากมีกรณีที่มีเหตุที่ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ ก็สามารถเพิ่มการผลิตของโรงกลั่นที่ไม่ได้รับผลกระทบ หรือ นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเข้ามาได้ โดยปริมาณน้ำมันดิบสำรองของประเทศสามารถใช้ได้ประมาณ 28 วัน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป”