AQUA ลั่นปี 65 ผลงานผงาด ธุรกิจนวัตกรรม - คลังสินค้า - พลังงานหนุน

AQUA ลั่นปี 65 ผลงานผงาด ธุรกิจนวัตกรรม - คลังสินค้า - พลังงานหนุน

AQUA ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ลุยลงทุนธุรกิจด้านนวัตกรรม เผยอยู่ระหว่างศึกษา “ซื้อกิจการ - ถือหุ้น” คาดชัดเจน ก.พ. นี้ พร้อมจับมือเป็นพันธมิตร “แพลนบี” หลังเข้าถือหุ้น 2% มูลค่า 606 ล้านบาท หวังสร้างความแข็งแกร่งสื่อนอกบ้าน โอนหุ้นแล้วเสร็จ มี.ค.รับรู้รายได้ทันที

      นายฉาย บุนนาค รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA กล่าวว่า บริษัทกำลังปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจครั้งใหม่ สะท้อนผ่านบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการขายธุรกิจสื่อนอกบ้าน 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.อควา แอด (AA) และ บริษัท บอร์ดเวย์ มีเดีย จำกัด (BWM) ให้แก่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB โดยคิดเป็นมูลค่ารวม 2,881 ล้านบาท

     โดยหลังบริษัทขายธุรกิจสื่อนอกบ้าน ปัจจุบันกำลังศึกษาสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาในการเข้าดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการเข้าถือหุ้น ในธุรกิจด้านที่เกี่ยวกับนวัตกรรม โดยคาดว่าจะมีความชัดเจน และสามารถประกาศดีลครั้งนี้ได้เดือนก.พ.2565 


     “ดีลขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เรื่องเม็ดเงินลงทุนหรือรายละเอียด เพราะเกี่ยวกับการขอไลเซนส์ หรือใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจด้วย และเชื่อมั่นว่า ธุรกิจนี้จะเข้ามาเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทในอนาคต ซึ่งมองว่าการเข้าไปลงทุนในธุรกิจครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงยูนิคอร์นเท่านั้น แต่เป้าหมายจะต้องเป็นพ่อยูนิคอร์น”

      ทั้งนี้ บริษัทยังได้ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB จำนวน 84 ล้านหุ้น คิดเป็น 2% ในราคาหุ้นละ 7.22 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 606.48 ล้านบาท
 

      ดังนั้น การขายธุรกิจสื่อนอกบ้านถือเป็นการปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ จากคู่แข่งกลายเป็นมหามิตร เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและสังคมโดยรวม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจสื่อนอกบ้านมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่ลดลง เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้านไม่ได้แข่งขันเฉพาะในประเทศ

     แต่มีแพลตฟอร์มจากต่างประเทศเข้ามาแข่งขันธุรกิจนี้ค่อนข้างมาก ซึ่งต้องมีความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้านให้แข็งแกร่งมากขึ้น

     “ดีลครั้งนี้ ผมมองว่าไม่ได้เป็นการขายธุรกิจให้แพลนบี แต่เป็นการปลดพันธนาการ ไม่ต้องแข่งขันอีกต่อไป ไม่งั้นการแข่งขันจะไม่รู้จบ ไม่มีประโยชน์กับใคร ดังนั้นควรให้บริษัทที่ชำนาญเชี่ยวชาญด้านนี้ทำตรงนี้ดีกว่า ซึ่งทำแบบนี้แล้วจะทำให้อุตสาหกรรมดีขึ้น ภาพใหญ่จะเป็นระเบียบมาก ลดมลพิษทางสายตาลง"

     ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่า บริษัทจะได้รับผลตอบแทนที่ดี ผ่าน Capital Gain หรือผลกำไรจากส่วนต่างของราคาหลักทรัพย์ รวมถึงรายได้จากอัตราเงินปันผล ภายใต้การดำเนินธุรกิจของแพลนบี ที่คาดว่ามีทิศทางเติบโตได้ต่อเนื่อง

     อย่างไรก็ตาม การขายธุรกิจสื่อนอกบ้านออกไป จะทำให้รายได้หายไปราวปีละ 700-1,000 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาพรวมของบริษัท จากการมองหาธุรกิจอื่นๆ เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้ส่วนอื่นๆ ของบริษัท ถือว่ายังมีทิศทางที่เติบโต และสร้างรายได้ที่มั่นคงแน่นอนให้กับบริษัท จากการเข้าไปลงทุนใน 2 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า และธุรกิจพลังงาน

      โดยในส่วนของธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าปัจจุบันมีพื้นที่เช่ารวม 130,000 ตารางเมตร อัตราการเช่า 98% และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับยูนิลิเวอร์ ที่อยู่ระหว่างการขยายพื้นที่เช่าเพิ่มเติม

     ซึ่งส่วนนี้ สร้างกำไรให้กับบริษัทราวปีละ 200 ล้านบาท เช่นเดียวกันธุรกิจพลังงาน ที่สร้างผลกำไรที่สม่ำเสมอ รวมแล้วสองธุรกิจนี้สร้างกำไรให้กับบริษัทปีละกว่า 300 ล้านบาท

     “การขายธุรกิจครั้งนี้ เรามองว่าเมื่อถึงเวลาก็ต้องขาย ในสิ่งที่ต้องขายและลงทุนใหม่ ชีวิตต้องเดินต่อ ซึ่งการขายธุรกิจครั้งนี้ ก็ยังมีธุรกิจใหม่เข้ามา ไม่ใช่ขายแล้วในมือเราไม่เหลืออะไร และเรายังมีธุรกิจที่สร้างรายได้คงที่ หรือ Fixed income รองรับอยู่ ซึ่งผู้ถือหุ้นก็ได้ประโยชน์จากส่วนนี้ด้วย”

     ส่วนการรับรู้รายได้จากการขายธุรกิจดังกล่าว ขึ้นอยู่กับกระบวนการโอนหุ้น ซึ่งคาดแล้วเสร็จภายในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งหากทันก็จะสามารถบุ๊คเข้ามาเป็นรายได้ทันทีในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนุนให้ผลการดำเนินงานปีนี้ ของบริษัทมีทิศทางเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2564

      สำหรับเงินที่ได้มาจากการขายธุรกิจ จะมีการจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณา ซึ่งต้องหารือกับคณะกรรมการในลำดับถัดไป แต่โดยปกติแล้ว การจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น บริษัทได้มีการจ่ายต่อเนื่องสม่ำเสมอปีละ 2-5% อยู่แล้ว

          ด้าน นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PLANB กล่าวว่า บริษัทคาดจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ AQUA ภายในเดือนม.ค.65 และคาดว่าจะดำเนินการซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้นภายในเดือนมี.ค.65 โดยภายหลังจากการโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นที่ซื้อขาย AA และ BWM จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท

    ทั้งนี้เชื่อว่าการซื้อธุรกิจสื่อนอกบ้านครั้งนี้ จะช่วยหนุนในด้านรายได้ของบริษัทให้เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้น โดยคาดมีรายได้ปี 2565 เกือบ 6,000 ล้านบาท โดยมาจากรายได้ในส่วนของ AQUA ที่เข้ามาราว 800 - 1,000 ล้านบาทต่อปี

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์