กรุงเทพประกันภัย ยันเงินกองทุนแกร่ง200% พร้อมจ่ายสินไหมประกันโควิด

กรุงเทพประกันภัย ยันเงินกองทุนแกร่ง200% พร้อมจ่ายสินไหมประกันโควิด

กรุงเทพประกันภัย ประเมินสถานการณ์โควิดกรณีเลวร้ายสุดยอดติดเชื้อพุ่ง 3.4 หมื่นคนต่อวัน จ่ายสินไหมสูงสุด 7 พันล้าน ยันดูแลได้ เงินกองทุนแกร่ง 200% พร้อมจ่ายสินไหมประกันโควิด ลูกค้า 1.4 ล้านกรมธรรม์ ทยอยสิ้นสุดกรมธรรม์ทั้งหมดในเดือนเม.ย. วงเงินเฉลี่ยต่อราย 4.3 หมื่นบาท

นายอภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 
บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการด้านสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด บริษัทฯ ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  ในการประเมินสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อในประเทศสำหรับปี 2565 จากสถานการณ์ต่างๆ ไว้ 3 ระดับ คือ
-    กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 16,000 คนต่อวัน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 3,000 ล้านบาท
-    กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 26,000 คนต่อวัน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 6,000 ล้านบาท
-    กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 34,000 คนต่อวัน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 7,000 ล้านบาท

แม้ขณะนี้จะมีลูกค้าที่แจ้งเคลมสินไหมประกันภัยโควิดเฉลี่ยปริมาณกว่า 360 เคลมต่อวัน แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ภายในเวลาที่กำหนด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ตรวจสอบพบว่า เอกสารที่ส่งมาเบิกเคลมค่าสินไหมทดแทนบางส่วนเป็นเอกสารที่มีการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเคลมประกันภัย เช่น ใบรับรองผลการตรวจ RT-PCR ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จึงต้องมีความระมัดระวังและมีการตรวจสอบละเอียดมากขึ้นจากการเคลมฉ้อฉลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

 

 

 

 ทั้งนี้ ขอสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าว่า บริษัทฯ มีความพร้อมสูงในการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่องเพียงพอสามารถรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ประเมินไว้ข้างต้น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 บริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนมากกว่า 200% เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเงินกองทุนที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด (Total Capital Available) มีจำนวนกว่า 31,700 ล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การประเมินสถานการณ์ของการประกันภัยโควิดในปัจจุบันว่า กรมธรรม์ประกันภัยโควิดของบริษัทฯ ยังมีผลบังคับและให้ความคุ้มครองอยู่ในขณะนี้มีอยู่จำนวนกว่า 1.4 ล้านกรมธรรม์ เป็นกรมธรรม์แบบ เจอ จ่าย จบ รวม 1.1 ล้านกรมธรรม์

โดยกรมธรรม์ส่วนใหญ่ประมาณ 70% จะสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครองในเดือนเมษายน 2565 และจะทยอยสิ้นสุดความคุ้มครองครบ 100% ในเดือนมิถุนายน 2565 โดยมีวงเงินค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยต่อรายประมาณ 43,000 บาท 

 

และตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ถึงปัจจุบันที่การระบาดจากการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนาของไทยพบว่าเป็นสายพันธุ์ โอมิครอน ในวงกว้าง ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยของเดือนมกราคม 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อในเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนการเคลมสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดของบริษัทฯ ที่สอดคล้องกับอัตราการติดเชื้อในภาพรวมเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ยอดการเคลมสินไหมทดแทนในเดือนมกราคม 2565 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากค่าเฉลี่ยของยอดเคลมในเดือนธันวาคม 2564 หรือจากยอดเคลมเฉลี่ย 160 เคลมต่อวัน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยกว่า 360 เคลมต่อวัน 

ขณะที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์ โอมิครอน ส่วนใหญ่จะมีอาการที่ไม่รุนแรง สามารถแยกกักตัวที่บ้านและดูแลแบบ Home Isolation ได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยในหรือรักษาตัวใน Hospitel โดยโรงพยาบาลจะมีการพิจารณาอย่างเหมาะสมในการรักษาแบบผู้ป่วยในตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ ได้แก่
- มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ระยะเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง  
- หายใจเร็วกว่า 25 ครั้งต่อนาที (ในผู้ใหญ่) 
- Oxygen Saturation น้อยกว่า 94%  
- โรคประจำตัวที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตามดุลยพินิจของ
        แพทย์
- สำหรับในเด็ก หากมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือทานอาหารน้อยลง 

ดังนั้น จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้สัดส่วนการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดสำหรับค่ารักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลลดลง รวมถึงการเคลมสินไหมทดแทนจากภาวะอาการโคม่าลดลงด้วยเช่นกันจากจำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง ทำให้ในภาพรวมมีจำนวนการเคลมต่อคนลดลง