ผู้ผลิคน้ำมันปาล์มชะลอรับซื้อซีพีโอ ทำราคาผลปาล์มดิ่ง คาดลงต่อเนื่อง
ผู้ผลิตปาล์มขวดไม่ซื้อซีพีโอ ทำโรงสกัดหลายแห่งปิดโรงงาน หยุดรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกร ทำราคาดิ่งลง ล่าสุดเหลือโลละ 8 บาทกว่า จากที่เคยสูงสุด 12 บาท แต่ราคาปาล์มขวด ยังไม่ลง เหตุห้างยังมีสต๊อกเก่า จับตา ราคาลงอีก หลังรัฐยกเลิกไบโอดีเซล ทำความต้องการใช้น้ำมันปาล์มลดฮวบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ ราคาผลปาล์มสดเริ่มปรับตัวลดลง ล่าสุด สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในแหล่งเพาะปลูกสำคัญ ทั้งกระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 7.90-8.60 บาท จากก่อนหน้าที่กก.ละ 10-12 บาท เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (รีไฟน์) หรือผู้ผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดเพื่อการบริโภค ชะลอการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) จากโรงสกัด เพราะราคาซีพีโอปรับขึ้นไปถึงกก.ละ 63 จากต้นทุนผลปาล์มสดที่กก.ละ 10-12 บาท
โดยหากรับซื้อซีพีโอ ที่ราคาสูงและนำไปผลิตเป็นน้ำมันปาล์มขวด จะต้องขายราคาสูงถึงขวดละ 78 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินไป ตลาดรับไม่ไหว และขายไม่ได้ เพราะผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดให้ตรึงราคาขายไม่เกินขวดละ 58-60 บาท เพื่อลดภาระค่าครองชีพผู้บริโภค
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว ส่งผลให้โรงสกัดต้องชะลอการรับซื้อผลปาล์มทะลายจากเกษตรกร โดยโรงสกัดบางแห่งปิดรับซื้อ และปิดโรงงาน ทำให้ราคาเริ่มทยอยปรับลดลง อย่างไรก็ตาม แม้ราคาผลปาล์มสดเริ่มลดลงแล้ว แต่ราคาน้ำมันปาล์มขวดยังไม่ปรับลดลง เนื่องจากผู้ผลิตยังมีสต๊อกสินค้าเก่า ที่ผลิตในช่วงที่ผลปาล์มกก.ละ 10-12 บาท และสต๊อกดังกล่าว ยังขายต่อไปได้อีกไม่น้อยกว่า 15 วัน เมื่อหมดสต๊อกดังกล่าวแล้ว จึงจะเริ่มเห็นราคาปาล์มขวดลดลงได้ตามต้นทุนผลปาล์มที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ราคาปาล์มสดปี 65 น่าจะต่ำกว่าปี 64 ที่ขึ้นไปสูงสุดถึงกก.ละ 12 บาท แม้ปริมาณผลผลิตใกล้เคียงกันที่ประมาณ 17 ล้านตันตามการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เพราะคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพิ่งมีมติให้ลดสูตรผสมน้ำมันไบโอดีเซล (บี 100) จากบี 7 ชนิดเดียว (เดิมมีบี 7, บี 10 และบี 20) ให้เหลือเพียงบี 5 ชนิดเดียว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.-31 มี.ค.65 เพื่อพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท
เนื่องจากการลดสูตรการใช้น้ำมันปาล์มผสมในน้ำมันดีเซลดังกล่าว จะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มสำหรับรถยนต์ลดลงจากปีละ 2.2 ล้านตัน เหลือเพียง 700,000-800,000 เท่านั้น และจะส่งผลกระทบต่อราคาผลปาล์มสด และอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในระยะยาว นอกจากนี้ ยังกระทบต่อผู้ค่าน้ำมัน เพราะต้องปรับเปลี่ยนหัวจ่ายน้ำมัน ปรับอัตราการผสมน้ำมันปาล์มกับดีเซล ปรับการจำหน่าย การจ่ายภาษี การส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับสต๊อกซีพีโอของไทย ล่าสุด เดือนม.ค.65 อยู่ที่ประมาณ 131,000 ตัน ลดจากเดือนธ.ค.64 ที่มีอยู่ประมาณ 160,000 ตัน และคาดว่า เดือนก.พ.นี้ จะยังลดลงอีก เพราะผลผลิตปาล์มยังออกสู่ตลาดน้อย โดยระดับสต๊อกดังกล่าว ถือว่า ต่ำกว่าระดับสต๊อกปลอดภัย (เซฟตี้ สต๊อก) ของประเทศที่ควรมีไม่ต่ำกว่า 300,000 ตัน