Zipmex เปิด 3 ธีมคริปโทฯ มาแรง "เอ็นเอฟที-เกม-เมตาเวิร์ส"
“สินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “คริปโทเคอร์เรนซี” เป็นสินทรัพย์ที่กำลังมาแรงสุดๆ ในยุคนี้ หลังราคาพุ่งทะยานอย่างร้องแรง จนดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก แต่ขณะเดียวเมื่อขึ้นแรงก็ลงแรงเช่นกัน เรียกว่ายังเต็มไปด้วยความผันผวน
ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Zipmex ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังอยู่ระหว่างการพักฐาน หลังปีที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เรียกว่าเป็นปีทองของคริปโทฯ หลายเหรียญเดินหน้าทำออลไทม์ไฮ
แต่หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ (คิวอี) เพื่อรับมือเงินเฟ้อที่พุ่งสูงถึง 7% ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้นและคริปโทฯ
ทั้งนี้ เขา มองว่าการพักฐานของตลาดคริปโทฯ จะดำเนินต่อไปอีกสักระยะจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในช่วงสิ้นปีนี้ และเชื่อว่าพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะยังครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาฯ
และเฟดจะกลับมาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม กลายเป็นปัจจัยบวกให้ตลาดคริปโทฯ ฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง
“ที่ผ่านมาตลาดลงหนักเป็นเพียงการ Take Profit ช่วงสั้นๆ จากนี้น่าจะไซดเวย์ คงไม่ได้หวือหวาบวกเป็น 100-200% เหมือนช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คงต้องรอให้การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐผ่านไปก่อน”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดเต็มไปด้วยความผันผวน ยังแนะนำลงทุนในเหรียญหลักอย่างบิทคอยน์ (BTC), อีเธอเรียม (ETH) ส่วนอีกกลุ่มที่น่าจับตามอง คือ NFT (Non-Fungible Token) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก จนทำให้ยอดการทำธุรกรรมบน “OpenSea” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT มากกว่ายอดธุรกรรมบน Decentralized Exchange ไปแล้ว
ส่วนในบล็อกเชนของอีเธอเรียมมีการซื้อขาย โอน NFT เพิ่มขึ้นทุกสัปดาห์ ขณะที่คนดังทั่วโลกให้ความสนใจ NFT อย่างล่าสุด “จัสติน บีเบอร์” นักร้องชื่อดังชาวแคนาดา เพิ่งเข้ามาลงทุนใน NFT ด้วยเช่นกัน
รวมทั้ง "กลุ่มเกมโทเคน" หรือ “เหรียญเกม” เติบโตต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเหรียญที่เกี่ยวกับ “เมตาเวิร์ส” (Metaverse) หรือ “โลกเสมือนจริง” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโลก
“การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้มีแค่บิทคอยน์อย่างเดียว ยังมีสินทรัพย์อื่นๆ อีกเยอะที่เราสามารถลงทุนได้ ซึ่งในช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ ผมมองว่าเทรนด์ที่น่าสนใจตอนนี้มี NFT เหรียญเกม และเมตาเวิร์ส ซึ่งจะเติบโตได้อีกมากในปีนี้”
ดร.เอกลาภ แนะนำว่าการลงทุนในคริปโทฯ ไม่ควรทุ่มเงินลงทุนไปทีเดียว เพราะไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งช่วงนี้ตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง ทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อไหร่
ส่วนเฟดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่าถ้าเกิดขึ้นย่อมมีแรงเทขายออกมาอีกรอบ ดังนั้น จึงควรทยอยลงทุนด้วยวิธีถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA (Dollar Cost Average) น่าจะปลอดภัยมากกว่า
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโทฯ ดร.เอกลาภ แนะนำให้ติดตาม 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากปัจจุบันตลาดคริปโทฯ เริ่มใหญ่ขึ้น กลายเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งไปแล้ว มีการโยกเงินจากสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาลงทุนในคริปโทฯ มากขึ้น ทำให้การเคลื่อนไหวเริ่มอิงไปกับปัจจัยพื้นฐาน
2. เทคโนโลยี ต้องติดตามว่ามีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง และแต่ละบริษัท แต่ละเหรียญที่จะเข้าไปลงทุนมีโปรเจคอะไรที่น่าสนใจ แนวโน้มในอนาคตจะเป็นอย่างไร
และ 3. ความเคลื่อนไหวของบิทคอยน์ ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ เป็นเจ้าตลาด มีมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 40% ซึ่งโดยปกติแล้วทุกๆ 4 ปี จะเกิดปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ที่ราคาบิทคอยน์จะร่วงลงหลังขึ้นไปแตะจุดสูงสุด โดยรอบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในปี 2567
“จากที่เราศึกษาดูจะเห็นว่าปกติแล้วบิทคอยน์จะลงจากจุดสูงสุด 80% ซึ่งรอบนี้ทำไว้ที่ 2 ล้านบาท ดังนั้นจุดต่ำสุดน่าจะอยู่ที่ราวๆ 7 แสนบาท ซึ่งตอนนี้ราคาอยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านบาท ถามว่าซื้อได้ไหม ก็ทยอยซื้อได้ แต่เดี๋ยวก็ลงอีก เพราะยังมีดาวน์ไซด์อยู่”
ทั้งนี้ เขา ประเมินว่าขาขึ้นรอบใหม่ของบิทคอยน์และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังผ่านพ้นช่วงการปรับฐานครั้งใหญ่ โดยมองว่าคริปโทฯ ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก และยังจะเติบโตมากกว่าหุ้นเทคโนโลยีอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร กลยุทธ์การลงทุนได้ในรายการกรุงเทพธุรกิจ BIZ INSIGHT ช่วง Crypto Insight by Zipmex ทุกวันอังคาร เวลา 14.25 น. ทางเนชั่นทีวี 22