ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัว (7 ก.พ. 65)

ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัว (7 ก.พ. 65)

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยไซด์เวย์ในกรอบ +3 ถึง +6 จุด ปรับตัวในแดนบวกเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย

ตลาดหุ้นปรับตัวบวก มาจากหุ้นหลักๆ จากกลุ่มพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง PTT และ DELTA ซึ่งส่งผลต่อดัชนีราว +2.4, +2.3 จุด ตามลำดับ นักลงทุนติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,674.22 จุด +5.17 จุด +0.31% มูลค่าการซื้อขาย 72,549 ลบ. ต่างชาติ +1,563.94 ลบ. TFEX +10,262 สัญญา ตราสารหนี้ +4,996.64 ลบ.

 

ปัจจัยบวก

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 2.04 ดอลลาร์ +2.3% ปิดที่ 92.31 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2557 และเพิ่มขึ้น 6.3% ในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากพายุฤดูหนาวที่รุนแรงในสหรัฐทำให้เกิดความวิตกด้านอุปทานน้ำมัน
+สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.7% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5%
+มูดี้ส์คาดแผนพัฒนาคมนาคมขนส่ง 5 ปีของจีนช่วยขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเป้าหมายหลักคือ ทางรถไฟความเร็วสูงของจีนจะมีความยาวเพิ่มเป็น 50,000 กิโลเมตรในปี 2568 จาก 38,000 กิโลเมตรในปี 2563
+ ตลาดคาดว่า ธปท. จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ในการประชุมวันพุธนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นกลับสู่ระดับก่อนโควิด และยังคงต้องการแรงหนุนต่อเนื่อง แม้เงินเฟ้อไทยจะเริ่มเร่งตัวขึ้น แต่เกิดจากปัจจัยจากภาคอุปทานเป็นหลัก โดยเฉพาะราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น

 

ปัจจัยลบ

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 21.42 จุด -0.06% ผันผวนในแดนบวกสลับลบท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในเดือนมี.ค.นี้ ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 219.19 จุด +1.58% ได้แรงหนุนเฉพาะตัวจากหุ้นแอมะซอนที่เผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยราคาหุ้นปิดเพิ่มขึ้น 13.54%
 

 

-FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 27% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 14%
-ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลงมติแต่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนต.ค. คาดเงินเฟ้อปีนี้พุ่งเหนือ 4%
-อเมริกาชี้รัสเซียสะสมกำลังพลและอาวุธที่ต้องการได้แล้วอย่างน้อย 70% เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับปูตินในการเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบภายในกลางเดือนนี้
-กระทรวงพาณิชย์เผยเงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค.65 เพิ่มขึ้น 3.23% จากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเป็นหลัก ส่วนหมู ไก่ ไข่ น้ำมันพืช เป็นปัจจัยเสริม คาดเดือนก.พ. ยังเพิ่มต่อเนื่อง จับตาปัจจัยกดดัน ทั้งราคาพลังงาน บาทอ่อนกระทบต้นทุนนำเข้า แต่ยังประเมินเงินเฟ้อทั้งปี 0.8-2.4%
-ศบค.รายงานยอดโควิด-19 ไทยติดเชื้อเพิ่ม 10,470 ราย ATK 4,527 ราย หายป่วย 8,711 ราย เสียชีวิต 12 ราย

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้เคลื่อนไหวแบบ Sideway up ในกรอบ 1,670-1,683 จุด เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เร่งตัวขึ้นเป็นปัจจัยกดดันต่อ

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกลับมาใช้มาตรการ Test&Go และ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 : ERW CENTEL MINT AOT AAV BA ASAP
• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC

 

หุ้นรายงานพิเศษ

PTTEP (Bloomberg Consensus 145)

น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง 2.04 ดอลล์สู่ 92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในรัฐเท็กซัส ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับการระงับการผลิตน้ำมันในเขตลุ่มน้ำเพอร์เมียนซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันจากหินดินดานใหญ่ที่สุดในสหรัฐ โดยเมื่อปีที่แล้ว สภาพอากาศที่หนาวจัดทำให้การผลิตน้ำมันชะงักงันครั้งใหญ่ในแหล่งดังกล่าว นอกจากนี้การประชุมโอเปคพลัสยังคงมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 1Q65 เนื่องจากคาดว่าปริมาณการผลิตจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้โครงการมาเลเซียและโอมานเต็มปี ด้านราคาขายคาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ต้นทุนการผลิตจะลดลงสู่ 27-28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจากโครงการมาเลเซียและโอมานต้นทุนการผลิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เราคงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจากผลประกอบการ 1Q65 มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องและยังมีปันผลอีก 3 บาทรวมปันผลปี 64 ที่ 5 บาทคิดเป็น 3.9%

 

หุ้นมีข่าว

(+) AMATA (Bloomberg Consensus 24.00 บาท) ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2565 เพิ่มขึ้น 10% มั่นใจนักลงทุนทั่วโลก จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ ยังสนใจเข้ามาลงทุนในไทยในพื้นที่ EEC และเวียดนาม กลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรมยานยนต์ โลจิสติกส์ และพลังงาน ด้านนักวิเคราะห์คาดกำไรทั้งปี 2564 โต 2.44% และคาดทั้งปี 2565 โตถึง 62.48% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAPPE (Bloomberg Consensus 34.00 บาท) ลุยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง สินค้าผสมสารสกัดกัญชง-กัญชา คาดจะออกภายในไตรมาส 2/2565 ชูเครื่องดื่ม Functional Drink กลับมาฟื้นตัว ขณะที่ตลาดต่างประเทศขยายตัว ดันยอดขายปีนี้เติบโต 10-15% ไม่ปิดกั้นโอกาสพันธมิตรร่วมธุรกิจ เล็งพิจารณาขยายกำลังการผลิตเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CIVIL (Bloomberg Consensus - บาท) หุ้นเด่น Super growth stock ฉายา “เล็กพริกขี้หนู” โชว์เงินทุนแข็งแกร่งหลังเข้าตลท. พร้อมรับงานก่อสร้างไซส์ใหญ่ไม่ต่ำ 10,000 ล้านบาท ล่าสุดรับงานสร้างคลองระบายน้ำฯ นครศรีธรรมราช มูลค่ากว่า 2.7 พันล้านบาท จ่อลุยโครงการรถไฟฟ้าและ PPP ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) BBIK (Bloomberg Consensus 63.65 บาท) ทุ่มงบ 20 ล้านบาท เข้าลงทุน 80% ใน “จีเอ็มวีพาย” บริษัทที่ปรึกษาด้านระบบ SAP ครบวงจร เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสู่บริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ครบวงจร ขยายฐานลูกค้า ต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ (ที่มา ข่าวหุ้น)