โบรก มองระยะสั้น ‘หุ้นไทย’โอกาสดัชนีปรับขึ้นน้อยลง หลังแตะระดับ 1,700จุด
“ต่างชาติ” ซื้อสุทธิหุ้นไทย 1.7 หมื่นล้าน ดัชนี ทะลุ 1,700 จุด โบรก ชี้ ตั้งแต่ม.ค.-วานนี้ ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามากสุดในภูมิภาค ชี้ ระยะสั้นโอกาสดัชนีปรับขึ้นน้อย เหตุ ขึ้นติดต่อหลายวัน บล.กสิกรไทย แนะจับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ยกดดันดัชนี
ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทย วานนี้ (9 ก.พ.65)ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1,708.03 จุด ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 1,703.16 จุด หรือคิดเป็น 1.12% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 135,624.22 ล้านบาท ซึ่งดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อเป็นวันที่ 9 และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิวานนี้ 17,416.41 ล้านบาท ทำให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันซื้อสุทธิรวม 43,738.77 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นแรงทะลุ 1,700 จุด ซึ่งได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินลงทุนของต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์)ไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปี 2565 ถึงปัจจุบันอยู่ที่ 43,738.77 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่างชาติซื้อหุ้นไทยสูงสุดในภูมิิภาคทั้งในเดือนม.ค.ถึงปัจจุบัน
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทย เนื่องจากคาดเศรษฐกิจฟื้นตัวและกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เติบโตได้ในปีนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในไทยยังทรงตัวไม่ขยับขึ้นตามนโยบายการเงินของสหรัฐที่เข้มงวดขึ้น โดยฝ่ายวิจัยคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1,810 จุด โดยกรณีดีสุดมีโอกาสแตะ 1,860 จุด
อย่างไรก็ตามในระยะสั้นหลังดัชนีปรับขึ้นทดสอบที่ระดับ1,700 จุดแล้ว แต่แรงขยับขึ้นอาจน้อยลงในระยะสั้น คาดว่าดัชนียังยืนระยะที่ระดับนี้ได้ หรือปรับลดลงเล็กน้อย มองแนวรับ 1,685 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด เนื่องจากสถิติในอดีต ยิ่งดัชนีขึ้นติดต่อกันนาน ยิ่งมีโอกาสที่ดัชนีขึ้นได้น้อยลง
นอกจากนี้ต้องติดตามปัจจัยกดดันดัชนี จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเชีย รวมถึงการเมืองในประเทศเริ่มมีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงออกมาต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อบรรยากาศลงทุน รวมถึงจำนวนยอดผู้ติดเชื้อโควิดที่เร่งตัวขึ้นแต่ยังคลายกังวลได้หากไม่มีการล็อกดาวน์
นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ดัชนีปรับตัวขึ้นทะลุกรอบแนวต้านที่คาดการณ์ไว้ที่ 1,680จุด แต่มองว่าเป็นการปรับตัวขึ้นระยะสั้น และมีโอกาสย่อตัวลงได้ หากเฟดมีความชัดเจนการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.นี้ ยังเป็นแรงกดดันต่อดัชนี