TACC - 4Q21F: อยู่ระหว่างการฟื้นตัว (10 ก.พ. 2565)
คาดกำไร TACC ใน 4Q21F ที่ 56ลบ. (+3% yoy) ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากแนวโน้มการเปิดเมืองที่หนุนการเติบโตของยอดขายกลับสู่ระดับ 8% yoy ในไตรมาสที่ผ่านมา ยอดขายเติบโตจากการฟื้นตัวของยอดขาย B2B (ยอดขาย 7-11)
อย่างไรก็ตาม SG&A ยังคงเพิ่มขึ้นจากต้นทุนแรงงานและต้นทุน R&D อัตรา EBIT ลดลงเป็น 20.4% (-0.94 Ppt yoy) การฟื้นตัวของการเดินทาง (mobility) ในก.พ. ยังหนุนโมเมนตัมการเติบโตยอดขาย TACC คงคำแนะนำ ซื้อ
คาดกำไร 4Q21 ที่ 56ลบ. (+2.7% yoy) หนุนจากการเติบโตของยอดขาย
ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก yoy และ qoq จากแนวโน้มการเปิดเมืองตั้งแต่ก.ย. จนถึง 4Q21 รายได้สามารถฟื้นตัว +8% yoy จากการฟื้นตัวของผู้ใช้บริการ 7-11 และแรงหนุนเล็กน้อยจากช่องทางขายใหม่เช่น Lotus’s และ Jungle Café รวมถึงน้ำอัลคาไลน์ (8+) แต่อัตรา EBIT ลดลง yoy เป็น 20.4% (-0.94 Ppt yoy) เนื่องจาก SG&A เพิ่มเป็น 18.4% ต่อยอดขาย เราคาดกำไรรวมปี FY21F ที่ 212ลบ. (+13%)
Mobility ลดลงเล็กน้อยในม.ค.; ก.พ. ฟื้นตัวเล็กน้อย
หลังไทยเริ่มคลายกังวลจากระดับรุนแรงของอาการ Omicron ดัชนี mobility เริ่มฟอร์มตัวเป็นขาขึ้นในสัปดาห์แรกของก.พ. เทียบกับการสะดุดในช่วงครึ่งแรกของม.ค. ช่วงความกังวล Omicron สร้างความกังวลต่อผู้บริโภค เราเชื่อว่าการฟื้นตัวของกิจกรรมนอกบ้านและการเดินทาง เป็นประเด็นบวกต่อ TACC เนื่องจากยอดขายร้านส่วนใหญ่มาจากที่เป็นพันธมิตรกับ 7-11 (ยอดขาย B2B เป็น 96% ทั้งหมด)
คงคำแนะนำ ซื้อ จากธีมการเปิดเมืองและเป็นหุ้นร้านสะดวกซื้อทางเลือก
TACC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และอัตรา EBIT (จัดระเบียบองค์กร) หลังรายได้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเปิดเมือง, ช่องทาง 7-Delivery และการฟื้นตัวของธุรกิจตัวละครจากแคมเปญการตลาด/โปรโมชั่น จากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีกครั้ง เราประเมิน TACC ที่ 9.2บาทอ้างอิง 21.7x FY22F PE (ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง) เทียบเท่าอัพไซด์ 31% จากราคาปิดล่าสุด