"พิมาลัย รีสอร์ท" กางสูตรต้องรอด! รุกตลาดคนไทย-จัดโปรฯกู้ยอดฝ่าโควิด
“พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา” รีสอร์ทหรู 5 ดาวแบรนด์ไทยบนเกาะลันตา จ.กระบี่ ขนาด 144 ห้องพัก ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี 2544 ได้เดินหน้ากลยุทธ์ปรับปรุงโปรดักต์ให้ “สดใหม่!” เริ่มทยอยรีโนเวตรีสอร์ทเมื่อปี 2560 เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าพักอย่างต่อเนื่อง
ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวในยุคขาขึ้น ใช้งบลงทุนรวมเกือบ 200 ล้านบาทสำหรับการรีโนเวตตั้งแต่ปี 2560-2564
แต่พอเกิดวิกฤติโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 ถาโถมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว! ชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่นที่ 2 ของ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ฉายภาพว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาพิมาลัยฯต้องปรับตัวอย่างหนักรอบด้าน รวมถึงการทำตลาดเพื่อดึง “นักท่องเที่ยวไทย” ผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทาง “ออนไลน์” ใช้งบทำการตลาดแบบคุ้มค่าที่ประมาณ 1 ล้านบาทต่อปี ทั้งการเชิญอินฟลูเอนเซอร์เฉลี่ย 1-3 รายต่อเดือน เพื่อนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับพิมาลัยฯ รวมถึงการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ
โดยพบว่าแพลตฟอร์มที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดในการโปรโมทคือ “เฟซบุ๊ก” เพราะสามารถลงรายละเอียดในโพสต์ต่างๆ ดึงลูกค้าผู้ใหญ่มาเข้าพักมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมี “อัตราการเข้าพักซ้ำ” เพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้แพลตฟอร์ม “ไลน์ ออฟฟิเชียล” (Line Official) ก็ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยแชตเข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรีสอร์ทจำนวนมาก สอดรับกับพฤติกรรมคนไทยที่ชอบแชต นอกจากนี้ยังร่วมกับพันธมิตรต่างๆ เช่น บัตรเครดิต และศูนย์การค้า เพื่อทำโปรโมชั่นร่วมกันผ่านการแชร์ฐานลูกค้า
“ความท้าทายของการทำตลาดออนไลน์คือต้องทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยรู้จักพิมาลัยฯมากขึ้น โดยตั้งแต่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้ชื่อของพิมาลัยฯเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยเพิ่มขึ้น จากที่มีชื่อเสียงในตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว”
พร้อมสื่อสารการตลาดให้คนไทยรู้ว่า เราเป็นรีสอร์ทระดับ 5 ดาวที่บริหารจัดการเองและได้มาตรฐานระดับสากล ไม่ได้ว่าจ้างเชนโรงแรมมารับบริหาร และที่สำคัญ...ต้องตอบคำถามลูกค้าให้ได้ว่า “ทำไมต้องมาพักที่พิมาลัยฯ” ด้วยการชูโลเกชั่นที่ดีมากๆ บนเกาะลันตา และมีแลนด์สเคปภายในรีสอร์ทที่สวยงาม ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างแท้จริง
สำหรับแนวทางการทำตลาดออนไลน์ของพิมาลัยฯในปี 2565 มองว่าทั่วโลกเริ่มเปิด! กลับมาทำตลาดท่องเที่ยวกันมากขึ้น จะรุกโปรโมทดึงนักท่องเที่ยวที่มี “ความสนใจเฉพาะกลุ่ม” มากขึ้น เช่น กลุ่มโยคะ กลุ่มดำน้ำ กลุ่มที่ชอบพักผ่อนอยู่แต่ในห้องพักหรือวิลล่าและใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของรีสอร์ท และกลุ่มเที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วย (Workation)
ชรินทิพย์ เล่าเพิ่มเติมถึงภาพรวมธุรกิจของพิมาลัยฯในไตรมาส 1 ปีนี้ด้วยว่า เดือน ม.ค.ที่ผ่านมามีอัตราการเข้าพัก 21% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ 95% ของลูกค้าทั้งหมด ซึ่งได้ลงทะเบียนขอไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) ประเภทแซนด์บ็อกซ์และประเภท Test & Go เอาไว้ก่อนที่รัฐบาลจะปิดระบบลงทะเบียนประเภท Test & Go เป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2564-31 ม.ค.2565 เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ส่วนเดือน ก.พ.นี้ จะมีอัตราการเข้าพักรวมอยู่ที่ 25% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติประมาณ 80% ของลูกค้าทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีการจองห้องพักล่วงหน้าไว้นานแล้วก่อนที่จะมีการปิดระบบลงทะเบียน Test & Go รอบที่ผ่านมา ทั้งยังเป็นลูกค้าเก่าของพิมาลัยฯ ขณะที่เดือน มี.ค.นี้จะมีอัตราการเข้าพักเพิ่มเป็น 40% โดยเป็นลูกค้าชาวต่างชาติประมาณ 70% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่จองห้องพักล่วงหน้าก่อนปิดระบบ Test & Go รอบที่ผ่านมาเช่นกัน เนื่องจากมีการ “จัดโปรโมชั่นราคาห้องพัก” ในเดือน มี.ค.ถูกกว่าเดือน ก.พ.เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาจองล่วงหน้า
ด้านผลการดำเนินงานของพิมาลัยฯในช่วงไฮซีซั่นปลายปี 2564 เดือน ธ.ค.มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 30-40% และสามารถปรับราคาขายห้องพักได้ดีขึ้น เนื่องจากได้นักท่องเที่ยวต่างชาติจากการเปิดรับประเภท Test & Go รอบแรกตั้งแต่รัฐบาลประกาศ “เปิดประเทศ 1 พ.ย.2564” จนมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 90% ของลูกค้าทั้งหมด ตลาดที่เข้าพักมากที่สุด 3 อันดับแรกคืออังกฤษ เยอรมนี และประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย เหมือนกับตอนก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ทั้งยังเป็นลูกค้ากลุ่มเข้าพักซ้ำ เพราะมั่นใจในสถานที่ เคยเห็นพื้นที่ของพิมาลัยฯมาแล้วว่าปลอดโปร่งและไม่แออัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีอัตราการเข้าพักสูงถึง 70-80% ดีที่สุดในรอบ 20 เดือน!