แกะ 'ผลตอบแทน' กองทุนหุ้นจีน สูงสุด-ต่ำสุด  

แกะ 'ผลตอบแทน' กองทุนหุ้นจีน สูงสุด-ต่ำสุด  

มอร์นิ่งสตาร์ ชี้จุดต่าง"กองทุนหุ้นจีน" พบลงทุน 5 กลุ่มหลัก สัดส่วน 60-70% ของพอร์ตปี 64  นำโดย"บริการการเงิน" และมีน้ำหนักการลงทุนกลุ่มนี้สูงสุด จะทำผลตอบแทนสูงสุดด้วย แต่กองทุนทำผลตอบแทนแย่สุด มีน้ำหนักการลงทุนสูงสุดใน "บริการสื่อสาร" เปิด 10 อันดับกองรีเทิร์นพุ่ง

กลุ่ม "กองทุนหุ้นจีน" ในรอบปี 2564 เป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำสุดในอุตสาหกรรมที่ -12.9% แต่ในช่วงแรกของปีนี้ยังถือว่าดีกว่าการลงทุนทางฝั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวลงค่อนข้างเร็วหรือเฉลี่ยติดลบมากกว่า 10%

ในขณะที่จีนหรือกลุ่มอื่นที่ลงทุนในเอเชียมีผลตอบแทนที่ดูดีกว่า โดยล่าสุดกองทุนหุ้นจีนผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ -5.5% (ข้อมูล ณ วันที่ 14 ก.พ. 2565)

เราลองมาดูในรอบปี 2564  "ผลตอบแทนกองทุนหุ้นจีน" ต่างกันอย่างไรบ้าง ทาง"มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช(ประเทศไทย)" พบว่า  

"กองทุนหุ้นจีน" มีการลงทุนในหุ้น 5 กลุ่มหลัก ในสัดส่วนเฉลี่ย 60-70% ของพอร์ตลงทุน ดังนี้ 
1. กลุ่มบริการการเงิน  ( Financial Services) 
2. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Consumer Cyclical)
3. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความผันผวนต่ำ (Consumer Defensive) 
4. กลุ่มบริการสื่อสาร (Communication Services)  
5. กลุ่ม เทคโนโลยี ( Technology) 


- กลุ่มกองทุนที่มีผลตอบแทนสูงสุด (decile ที่ 1)

มีการลงทุนมีสัดส่วนสูงสุดในกลุ่มการเงิน ตามมาด้วย Industrials และ Consumer Cyclical และมีสัดส่วนในกลุ่ม Communication Services น้อยที่สุด 

กองทุนที่มีผลตอบแทนแย่ที่สุด (decile ที่ 10)

มีน้ำหนักการลงทุนสูงสุดในกลุ่ม Communication Services (เช่น Tencent, Baidu, NetEase) ตามมาด้วยกลุ่มการเงินและ Consumer Cyclical

แกะ \'ผลตอบแทน\' กองทุนหุ้นจีน สูงสุด-ต่ำสุด  

ขณะเดียวกันมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) รายงานกลุ่ม "กองทุนหุ้นจีน" ผลตอบแทน สูงสุด  10 อันดับ ณ 17 ก.พ. 2565 ดังนี้ 

1. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีน THB เอ็ดจ์  (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)  (SCBCEHE) มีผลตอบแทนสูงสุด 7.13%
                      
2. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีน THB เอ็ดจ์ (ชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม/บุดคล) (SCBCEHP) มีผลตอบแทน 7.00%

3. กองทุนเปิดกรุงศรีไชน่าอิควิตี้  (KF-CHINA)  มีผลตอบแทน 6.99%

4. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีน THB เอ็ดจ์ (SCBCEH) มีผลตอบแทน  6.99%

5. กองทุนเปิดวรรณไชน่าออโต้รีเด็มชั่นฟันด์  (ONE-CHINA) มีผลตอบแทน  6.18%

6. กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TCHRMF) มีผลตอบแทน 4.48%

7. กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Shares อิควิตี้ (TISCOCH) มีผลตอบแทน 4.44%

8. กองทุนเปิดแอสเซทพลัสเอชเอสไอ (ASP-HSI) มีผลตอบแทน 4.43%

9. กองทุนเปิดทหารไทย  China Opportunity (TMBCOF) มีผลตอบแทน  3.79%

10. กองทุนนเปิดทหารไทย China Opportunity เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBCORMF) มีผลตอบแทน 3.77%

"ชญานี จึงมานนท์" นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลจากมาตรการของทางการจีนซึ่งเกิดกับธุรกิจบางประเภทเป็นหลัก เห็นได้จากสัดส่วนการลงทุนเทียบกับผลตอบแทนดังกล่าว


อย่างไรก็ดีพบว่า  "เศรษฐกิจจีน" มีแนวโน้มชะลอตัวลงเป็นผลจาก credit growth สอดคล้องกับกลุ่มอสังหาฯที่ทางรัฐบาลได้มีการควบคุมก่อนหน้านี้ ในขณะที่ภาคการบริโภคยังมีการเติบโตโดยเฉพาะในส่วนของการซื้อสินค้า


ทำให้การลงทุนในจีนอาจยังมีความเสี่ยง "ระยะสั้น" จากการแพร่ระบาดของโควิดในขณะที่ดำเนินโยบาย zero-covid แต่ใน "ระยะยาว" ยังคงมีศักยภาพที่น่าสนใจเนื่องจากนโยบายจากทางภาครัฐมุ่งส่งเสริมเสถียรภาพการเติบโตของจีนในอนาคต