สิ่งที่ "น่ากลัว" กว่า covid...!?
สิ่งที่น่ากลัวกว่า covid-19 สายพันธ์ปัจจุบัน คือ “ความกลัว” ที่มีแต่จินตนาการ แต่ขาดความรู้ที่แท้จริง คือความกลัวที่ครอบงำชีวิตและธุรกิจจนส่งผลให้คนตายทั้งเป็นและธุรกิจทยอยล้มหายตายจากไป
“ความกลัว” คือสิ่งที่ “น่ากลัว” ที่สุด!
ธรรมชาติของมนุษย์ มักจะกลัวในสิ่งที่ “มองไม่เห็น” และ “ไม่เข้าใจ”...
ความมืดมักทำให้เกิดความกลัว เพราะมองอะไรไม่เห็น แค่ได้ยินเสียงหรือหูแว่ว หรือเห็นอะไรเคลื่อนไหวในความมืด ก็จะจินตนาการแบบ คิดไปเองจนเกิดความกลัว
สิ่งที่มองไม่เห็น ทำให้เกิดจินตนาการไปแบบไม่มีที่สิ้นสุด...
ส่วนสิ่งที่ไม่เข้าใจ เพราะขาดความรู้ ขาดการค้นคว้า ไปจนถึงขาดสติและปัญญา ก็มักจะทำให้เกิดความกลัวในสิ่งที่ไม่เข้าใจ
ไม่ต้องแปลกใจที่ ธุรกิจที่หากินกับความกลัว และ หากินกับความหวัง จึงเป็นธุรกิจที่ทำเงินมากมายมหาศาลมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตไปอีกนาน
คำถามที่น่าคิดก็คือ จากการระบาดของโควิดตั้งแต่วันแรกเมื่อ2ปีก่อน จนมาถึงปัจจุบัน มีธุรกิจอะไรบ้างที่ประสบความสำเร็จมีรายได้อย่างมหาศาลมาต่อเนื่อง ท่ามกลางการล้มหายตายจากของธุรกิจอื่นๆจำนวนมาก!?
วัคซีนเป็นเรื่องที่มีประโยชน์และเป็นเรื่องที่ดี
แต่ธุรกิจที่คิดค้นและขายวัคซีน รายได้จะลดลงทันที ถ้าโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น!
วัคซีนยังคงขายได้ในกรณีเป็นโรคประจำถิ่น แต่จะไม่ขายดิบขายดีเท่ากับ “การเกิดโควิดสายพันธ์ใหม่” อย่างต่อเนื่องเป็นระยะไปอีกหลายปีข้างหน้า!
โควิดสายพันธ์ใหม่ บวกกับการกระพือข่าว ก่อให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว ธุรกิจหรืออะไรที่เกี่ยวโยงกับสิ่งเหล่านี้ ก็จะหากินกับสิ่งเหล่านี้ไปได้เรื่อยๆ!
แต่...ธุรกิจอื่นๆในประเทศที่ตกอยู่ในความกลัวจนเกินกว่าเหตุ.. จะยิ่งล้มหายตายจากมากขึ้นทุกวัน!
ปัจจุบันหลายๆประเทศในยุโรปและทวีปอื่นๆ เริ่มปรับสภาพ ทำความเข้าใจว่า โควิดสายพันธ์ปัจจุบันไม่ได้อันตรายเหมือนกับสายพันธ์เดลต้า
เพราะฉะนั้น ต่อให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะวันละหลายหมื่นคนหรือถึงหลักแสน ก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ให้รักษาตัวเองที่บ้าน ยกเว้นผู้ที่มีอาการหนักจริงๆเท่านั้น
แล้วประเทศไทย...จะจมอยู่กับความกลัวจนไม่กล้าจะทำอะไรไปอีกนานเท่าไหร่!?
ความกลัว แพร่กระจายได้เร็วกว่าเชื้อไวรัส!
นอกเหนือจากนี้ มนุษย์ยังเป็นโรคที่ “แพร่ความกลัว” ได้เก่ง และโรคกลัวเกินเหตุ กลัวไว้ก่อน ยังเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายกว่าเชื้อโควิด แต่รักษายากกว่าโควิด!
ไม่ต้องอยู่ใกล้ก็สามารถติดต่อกันได้ แค่ฟังหรืออ่านสิ่งที่บอกต่อๆกันมา เห็นแค่หัวข้อข่าวในสื่อต่างๆก็ตกใจกลัวไว้ก่อน
ยิ่งความกลัวทวีความรุนแรง (ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด) ยิ่งโหมกระพือได้ง่าย สื่อที่ขายความกลัวจนเกินเหตุ หารู้ไม่ว่าความกลัวเกินเหตุจะย้อนกลับมาทำลายสื่อนั้นเอง เพราะขาดรายได้เนื่องจากภาคธุรกิจและภาคประชาชนตกใจกลัวจนไม่กล้าใช้เงิน!
Covid ยังอันตรายอยู่หรือไม่?
โควิดสายพันธ์ปัจจุบัน ยังอันตรายกับเด็กที่อายุน้อย กับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาเป็นโรคประจำตัวหลายโรค แต่ไม่ได้อันตรายเท่าสายพันธ์เดลต้า
ปัญหามันอยู่ที่ว่า “ภาพจำ” และ “ภาพที่มีคนอยากให้จำ” มันตอกย้ำอยู่ในใจว่าเชื้อโควิดอันตราย มันยังฝังแน่นอยู่ในจิตใจ ทำให้แทบทุกคนยังกลัว อาจมีคนจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นคนจำนวนน้อย ยังได้รับประโยชน์จากการหากินกับความกลัวของผู้คน เพราะฉะนั้นการปล่อยให้ความกลัวคงอยู่ต่อไป ยังคงต้องเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน
ไม่ได้บอกให้เลิกกลัวและใช้ชีวิตด้วยความประมาทนะครับ
แล้วเราควร “คิดและทำ” อย่างไร?
ขยันล้างมือ ใส่หน้ากาก ไม่รวมกลุ่มสังสรรค์เฮฮามากเกินไป ถ้าเริ่มมีอาการก็กินยาฟ้าทะลายโจรหรือยาลดไข้ ก็น่าจะเพียงพอที่จะใช้ชีวิตแบบ “เกือบปกติเหมือนเดิมได้”!
เพราะถ้ายังคง พร้อมใจกันกลัวมากเกินไป... ชีวิตที่เหลืออยู่ก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะจมอยู่กับความกลัวจนวิตกจริต ธุรกิจอาจต้องล้มไปต่อหน้าต่อตา เพราะไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันอีก!
หลายๆธุรกิจ เริ่มกลับมาทำมาหากินกัน “เกือบปกติ” แล้ว คือรักษาระยะห่าง ขยันล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย ไม่พูดคุยใกล้ชิดเกินไป ก็ไม่เห็นว่าจะเกิดผลเสียอะไรร้ายแรง
ผมเชื่อว่าในวันนี้ ถ้าลองตรวจโควิดด้วยตัวเองกันทั้งประเทศ อาจมีคนติดเชื้อมากกว่าครึ่งประเทศแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อยจนรักษาหายได้เองในไม่กี่วัน!
ทางเลือก...
เป็นสิทธิของทุกธุรกิจและทุกคนครับ ว่าจะจมอยู่กับความกลัวต่อไป ประเภทเห็นรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อหลักหมื่นแล้วสะดุ้ง ไม่กล้าคิดไม่กล้าทำอะไร ปล่อยให้ชีวิตและธุรกิจค่อยๆตายซากไปเรื่อยๆ เพราะความกลัวเกินกว่าเหตุ ก็แล้วแต่ทางเลือกของท่านเอง
หรือแค่ทำความเข้าใจ มีสติ มีปัญญาแสวงหาความรู้และข้อมูลที่มากกว่าแค่พาดหัวข่าวของสื่อทั้งสื่อยุคเดิม โดยเฉพาะ Social Media ที่แพร่กระจายได้เร็ว อย่าเชื่ออะไรเร็วจนกว่าจะรู้ที่มาที่ไปและหาข้อมูลที่แท้จริง
เพราะ... สิ่งที่น่ากลัวกว่าโควิดสายพันธ์ปัจจุบัน คือ “ความกลัว”ที่มีแต่จินตนาการ แต่ขาดความรู้ที่แท้จริง คือความกลัวที่หมอบางคน จะนอนไม่หลับครั่นเนื้อครั่นตัวถ้าไม่ได้ประกาศความกลัวผ่านสื่อ คือความกลัวที่ครอบงำชีวิตและธุรกิจจนส่งผลให้คนตายทั้งเป็นและธุรกิจทยอยล้มหายตายจากไปในท่ามกลาง “ความกลัว!”