LEO กำไรปี 64 พุ่งแตะ 198.8 ล้าน ออไทม์ไฮ บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.18 บ./หุ้น
"ลีโอ โกลบอล" กำไรปี 64 แตะ198.8 ล้าน เพิ่มขึ้น 250% โดยมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากค่าระวางเรือ และปริมาณตู้สินค้าขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้น บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.18 บาท/หุ้น เคาะจ่าย 26 พ.ค. นี้ ตั้งเป้าปี 65 เดินหน้าลุย M&A โตก้าวกระโดด
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 198.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 56.9 ล้านบาท โดยกำไรในปี 2564 มีระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,369.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 1,129.1 ล้านบาท โดยบริษัทฯ สามารถทำรายได้ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นของบริษัทฯยังมีศักยภาพการเติบโตอีกมากในปี 2565
สำหรับงวดไตรมาส 4/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 449% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 14 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,251.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 338 ล้านบาท และเป็นการทำสถิติทำกำไรสุงสุดต่อไตรมาสแบบออลไทม์ไฮต่อเนื่องเป็นเวลา 4 ไตรมาสติดต่อกัน
ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ผลจากความสามารถในการสร้างรายได้ทีมีการเติบโตทั้งจำนวนเงินและปริมาณการขนส่ง และกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์จึงทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือของบริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีท่ามกลางสถานการณ์ในปี 2564 มีการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และผู้ส่งออกไม่สามารถหาพื้นที่บนเรือสำหรับการส่งออกสินค้า ทำให้อัตราค่าระวางที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีปริมาณตู้สินค้าที่ให้บริการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่10 พ.ค. 2565 และจ่ายเงินวันที่ 26 พ.ค. 2565 ทั้งนี้ บริษัทฯจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.07 บาท รวมทั้งปีเท่ากับ 0.25 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564
"ผลการดำเนินงานในปี2564 เติบโตได้ดีมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งมีการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดปี LEO ได้ใช้จุดแข็งจากการที่บริษัทฯ มีการสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธิ์ (Strategic Partnership) กับสายเดินเรือหลายสายที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ช่วยให้สามารถสรรหาพื้นที่ระวาง และแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น ถึง 42% เมื่อเทียบกับปี 2563 จำนวนลูกค้ารายหลักของบริษัทฯ ที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 มีมากว่า 90% ปริมาณตู้สินค้าที่นำเข้าส่งออกเติบโตขึ้นในทุกๆ trade lane รวมกว่า 74,490 TEUS และผลคะแนนความพึงพอใจในการใช้บริการของลูกค้าในปี 2564 ได้คะแนนสูงขึ้นถึง 92% มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 90% ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4/2564 เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งในส่วนของรายได้ ปริมาณของการส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ และกำไรสุทธิ”
สำหรับภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯได้ตั้งเป้าการเติบโตโดยจะมาจากธุรกิจเดิม 20-25% ถ้ารวมธุรกิจใหม่จะเติบโตประมาณ 30-35% โดยบริษัทฯ ยังเสริมความแข็งแกร่งในส่วนของการให้บริการอย่างครบวงจร ด้วยการเปิดให้บริการ LEO Self-Storage#2 และบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สอง ในส่วนของ LEO Self-Storage China Town สาขาที่ 2 ตั้งอยู่ ณ ตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง ใกล้เคียงกับย่านเยาวราช มีพื้นที่เพิ่มอีก 2,000 ตารางเมตร และสามารถให้บริการได้ทั้งห้องปรับอากาศและห้องธรรมดา มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันและปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สองของ YJCD นั้น จะตั้งอยู่ถนนบางนา กม. 21 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงพื้นที่ และจะพร้อมให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2565
รวมทั้งยังมีโครงการขนส่งสินค้าทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูงจากจีนมายังประเทศลาว ที่ China Post บริษัทรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน ได้เป็น 1 ใน 5 ตัวแทนขนส่งสินค้าผ่านรถไฟความเร็วสูงลาว จีน ยุโรป ซึ่งส่งผลดีต่อเนื่องมาให้กับบริษัทฯ เพราะบริษัทฯ เป็น Exclusive Partner รายเดียวของ China Post ในประเทศไทย ซึ่งการจับมือกับ China Post ให้บริการขนส่งทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน นี้ LEO ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการจัดหาสินค้าจากประเทศไทยส่งไปยังประเทศจีน ซึ่งในขณะนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้าของบริษัทเป็นจำนวนมาก ทางบริษัทฯ คาดว่ารายได้จากโครงการนี้จะเห็นเริ่มทยอยรับรู้เข้ามาในเดือนมีนาคมของปีนี้ และค่อยๆ เติบโตขึ้นภายในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565
นอกจากนี้ในปี 2565 ทาง LEO และ China Post ยังมีแผนที่จะเพิ่ม Capacity ของสายการบิน China Post Airline ที่บินระหว่างกรุงเทพ-คุนหมิงเพิ่มมาก โดยมีแผนที่เพิ่มเที่ยวบินและนำเครื่องบินขนาดที่ใหญ่ขึ้นเข้ามาบินเสริมในช่วงเดือนเมษายน-กันยายนในปีนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันและส่งเสริมการเพิ่มยอดการส่งออกผลไม้ เช่น มะม่วง ทุเรียน มังคุด และมะพร้าวไปยังประเทศจีน และทาง China Post ก็ยังมีแผนที่จะใช้ประเทศไทยเป็น Logistics Hub สำหรับการจัดส่งสินค้า E-commerce ใน ASEAN โดยจะทำคลังสินค้าเพื่อกระจายและจัดส่งสินค้า คาดว่าโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตธุรกิจ โลจิสติกส์ของ LEO ให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อีกช่องทางหนึ่ง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านแผนการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) นอกเหนือจากบริษัท เวิร์ลแอร์ โลจิสติกส์ จำกัด โดยมีแผนที่จะมองผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในประเทศในภูมิภาคเอเชีย อาทิ เวียดนาม เเละอินโดนีเซีย ซึ่งจะสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีความยั่งยืนให้บริษัทในระยะยาว