SVI คาดว่าคำสั่งซื้อจะแข็งแกร่งต่อเนื่อง
จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และการที่บริษัทเข้าซื้อกิจการ Tohoku Solution Co., Ltd เสร็จเรียบร้อย ทำให้เราคาดว่ายอดขายของ SVI จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565
โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เอาไว้ที่ 750 ล้านดอลลาร์ฯ หลังจากที่ยอดขายทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2564 ที่ 544 ล้านดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ SVI มี backlog อยู่ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ฯ ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการยอดขายปี 2565-66 ขึ้นจากเดิม 25% เป็น 748 ล้านดอลลาร์ฯ (38% YoY) ในปี 2565 และ 852 ล้านดอลลาร์ฯ (14% YoY) ในปี 2566
ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ที่ 9.5% - 10% เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้นอีก 20%
บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 9.5% - 10.0% เนื่องจาก i) สามารถประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 1-2% หลังจากที่เข้าไปซื้อกิจการ Tohoku Solution Co., Ltd ii) product mix ดีขึ้น และ iii) สามารถส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบไปให้ลูกค้าได้ โดยบริษัทคาดว่าจะส่งผ่านต้นทุนได้ประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อไตรมาสใน 1Q65-2Q65 ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2565-2566 เป็น 9.8% เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าของบริษัท ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2566 ขึ้นจากเดิมอีก 20% เพื่อสะท้อนถึงการปรับสมมติฐานยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ SVI จะเพิ่มขึ้น 9% ในปี 2565 และ 16% ในปี 2566
คาดว่าผลประกอบการ 1Q65-2Q65 จะเพิ่มขึ้น YoY
จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 1Q65-2Q65 และ อัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้นไปที่ลูกค้า เราจึงคาดว่ากำไรของ SVI น่าจะเพิ่มขึ้น YoY ใน 1Q65-2Q65
Valuation & action
เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 จากเดิม 8.50 บาท เป็น 9.40 บาท อิงจาก PER ที่ 14.0x ทั้งนี้ เนื่องจากเหลือ upside จำกัดจากราคาปิดล่าสุด ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” และมองว่ามีโอกาสให้เข้าเก็งกำไรได้จากแนวโน้มการเติบโต YoY ของผลประกอบการใน 1Q65-2Q65
Risk
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2565-2566 ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ) และความล่าช้าในกระบวนการทดสอบผลิตภัณฑ์