"เซ็นทรัลพัฒนา" อัดฉีด 1.2 แสนล้าน ปูพรม "มิกซ์ยูส" ซินเนอร์ยีธุรกิจ
ทศวรรษที่ 5 "เซ็นทรัลพัฒนา” กางแผนลงทุน 5 ปี ทุ่ม 1.2 แสนล้าน เร่งขยายอาณาจักรทั่วประเทศ ชู "มิกซ์ยูส" เรือธงซินเนอร์ยี - ต่อยอดขุมกำลังศูนย์การค้า ที่พักอาศัย สำนักงาน โรงแรม หนุนโตก้าวกระโดด เล็งปั้นแบรนด์โรงแรมน้องใหม่ เตรียมเปิดตัวยิ่งใหญ่เร็วๆ นี้
พร้อมดันตลาด “ที่พักอาศัย” ขึ้นแท่นท็อป ดีเวลลอปเปอร์ เมืองไทย
“เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมธุรกิจศูนย์การค้า ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม เป็นหนึ่งในบิ๊ก คอร์ป ของเมืองไทยที่มีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเป็นฟันเฟืองสำคัญสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเทียบเท่า 1% ของจีดีพีประเทศไทย ในวาระครบรอบ 40 ปี เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศวิสัยทัศน์เคลื่อนธุรกิจในทศวรรษที่ 5 ภายใต้ “Imagining Better Futures For All” ตอกย้ำการเป็นบริษัทยั่งยืนระดับโลก
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนธุรกิจ 5 ปี (2565-2569) จัดสรรงบประมาณกว่า 1.2 แสนล้านบาท สำหรับขยายการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ทั้งศูนย์การค้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักเน้นรูปแบบผสมผสาน หรือ มิกซ์ยูส รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม นอกจากนี้จะมีการพลิกโฉมโครงการปัจจุบันอีกด้วย
ภายใน 5 ปี เซ็นทรัลพัฒนาต้องการมีโครงการอสังหาฯ ครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัด โดยมากกว่า 50% ของโครงการทั้งหมดจะเป็นรูปแบบมิกซ์ยูส มีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการต่อยอด เร่งการเติบโตของทุกๆ ธุรกิจ
“ศูนย์การค้ายังคงเป็นแกนหลักจะขยายเพิ่มจากปัจจุบันมี 36 แห่ง เป็น 50 แห่งทั้งในและต่างประเทศ คอมมูนิตี้มอลล์ 16 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาการขยาย เติมเต็มด้วยฟอร์แมต และเทรนด์ใหม่ สืบทอดการพัฒนาให้เป็นพื้นที่การใช้ชีวิตของคนทุกยุคสมัย และทุกรูปแบบทั้ง shop-work-stay-play-live"
ขณะเดียวกัน ยังได้ปั้น Brand Identity หรืออัตลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ศูนย์การค้าทั่วประเทศ สะท้อนถึงความภูมิใจในท้องถิ่น แตกต่าง และทันสมัย สำหรับปีนี้เตรียมเปิดบริการ เซ็นทรัล จันทบุรี วันที่ 26 พ.ค.นี้ และมีแผนปรับปรุงอีกหลายแห่ง เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ โซนอิเซตันเดิมสู่รูปโฉมใหม่
พร้อมขยายศูนย์การค้าในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง หลังจากเปิดตัว เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ ศูนย์การค้าในต่างประเทศแห่งแรกที่ประเทศมาเลเซียเมื่อเดือนมิ.ย.2562 พบว่าผลการดำเนินงานฟื้นตัวดีขึ้นมาก จากสถานการณ์โควิด-19 ส่วนประเทศเป้าหมายอื่นๆ เช่น เวียดนาม อยู่ระหว่างศึกษา 2-3 โครงการ ซึ่งมีความยากลำบากในการเข้าซื้อที่ดิน และการทำสัญญาที่มีความละเอียดอ่อน จึงต้องใช้เวลา
++ รุกขยายโรงแรมกระโดดเป็น 37 แห่ง
ส่วนกลุ่มอาคารสำนักงาน จะเพิ่มจากปัจจุบันมี 10 แห่ง เป็น 13 แห่ง กลุ่มโรงแรมและกลุ่มที่พักอาศัย ถือเป็นกลุ่มที่จะมีการขยายตัวสูง ตามแผน 5 ปีเฉพาะกลุ่มโรงแรมจะขยายพอร์ตจาก 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา อุดรธานี ติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า อุดรธานี และโรงแรมฮิลตัน พัทยา ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช เพิ่มเป็น 37 แห่ง ครอบคลุมหลายคอนเซ็ปต์ ทั้งซิตี้โฮเทล บิสิเนสโฮเทล และแฟมิลี่โฮเทล เน้นผนึกกำลัง (Synergy) กับศูนย์การค้าในเครือ
“เซ็นทรัลพัฒนา จะมีการปั้นแบรนด์โรงแรมน้องใหม่ ช่วยยกระดับเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยเตรียมแถลงข่าวเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในเร็วๆ นี้”
++ ดันพอร์ตที่พักอาศัยโต 3 เท่า
ร.อ.กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายพัฒนาโครงการที่พักอาศัย กล่าวเสริมว่า เซ็นทรัลพัฒนา รุกตลาดที่พักอาศัยราว 6 ปี ภายใต้นโยบายซินเนอร์ยีกับศูนย์การค้าในการขยายโครงการที่พักอาศัยในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
ตามแผน 5 ปีจะขยายโครงการที่พักอาศัยเพิ่มจาก 23 แห่ง เป็น 68 แห่ง หรือเติบโต 3 เท่า ขึ้นแท่นผู้นำดีเวลลอปเปอร์ (Top Developer) เฉพาะปีนี้เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่าลงทุนรวมเกือบ 3,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบที่จังหวัดเชียงใหม่ 1 แห่ง ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ จำนวน 200 หลัง ระดับราคา 4-12 ล้านบาท อีก 4 โครงการเป็นคอนโดมิเนียมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรัง ฉะเชิงเทรา และสุพรรณบุรี ไปกับศูนย์การค้าโรบินสัน พัฒนาแบรนด์ชื่อ “เอสเซ็นท์” ราคา 1.6-2 ล้านบาทต่อยูนิต
++ ลุย 3 กลยุทธ์ขยายอาณาจักร
นางสาววัลยา กล่าวต่อว่า วิสัยทัศน์ใหม่ของเซ็นทรัลพัฒนามุ่ง 3 กลยุทธ์ เริ่มจากกลยุทธ์ที่ 1 การผนึกกำลังทุกฝ่าย สร้างแพลตฟอร์มยกระดับการใช้ชีวิตและธุรกิจอย่างครบวงจร (SYNERGY for New Solutions) นอกจากผนึกกำลังของอสังหาฯ 4 ขาหลัก ยังได้ตั้งทีม Business & Digital Transformation ลงทุน 450 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อทรานส์ฟอร์มสู่การเป็นแพลตฟอร์มออมนิชาแนล เชื่อมโยงทุกธุรกิจในระบบนิเวศ (Ecosystem) และเชื่อมต่อไปยังลูกค้า เป็น “B2B2C” สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในอนาคต และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้ธุรกิจของคู่ค้า พร้อมจัดตั้งทีม Partner Champions เป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจเป็น End-to-End Solutions ให้คู่ค้าอย่างครบวงจร
กลยุทธ์ที่ 2 สร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคต ทุกโครงการใหม่เน้นสร้างความยั่งยืน (PIONEER for Better Lives) ครอบคลุมทั้งด้าน Green & Energy ด้วยมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับสากล ติดตั้งเซลล์ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในทุกโครงการ พัฒนาอาคารอัจฉริยะ เพิ่มจุด EV Charging และ Recycle Station สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน และ Health & Wellness ย้ำแผนแม่บทและมาตรการด้านความสะอาดและความปลอดภัย การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในและนอกอาคาร
กลยุทธ์ที่ 3 ขับเคลื่อนสังคมและธุรกิจ เปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นองค์กรแห่งการสร้างโอกาส (OPPORTUNITIES with Purpose) พัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการอสังหาฯ และรีเทลของไทยเทียบเท่าระดับโลกสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน
ขณะเดียวกัน ตั้งเป้าเป็นองค์กรผู้พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสรายแรกสู่ Net Zero ภายในปี 2593 ด้วยแผนระยะยาว Net Zero Carbon Emission ผ่านการลดการใช้พลังงานให้ได้ 50% ลดการใช้ CFC และสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดให้ได้อีก 50% ตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในและนอกโครงการให้ได้ 1 ล้านต้นโดยเร็วอีกด้วย
++ หนุนรัฐเร่งทำทราเวลบับเบิล
สำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยากให้ภาครัฐสนับสนุนสายการบินต่างๆ ในการกลับมาเปิดเที่ยวบินมากขึ้น รวมถึงเจรจาแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว หรือ ทราเวล บับเบิล กับเมืองหรือประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในเอเชีย อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง และมณฑลในประเทศจีน เช่น มณฑลกวางตุ้ง
“นักท่องเที่ยวต่างชาติจะไปถึง 10 ล้านคน ในปีนี้ตามเป้าหมายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือไม่นั้น ยังต้องดูสถานการณ์โควิด-19 แบบเดือนต่อเดือน รวมถึงปัจจัยภายในและภายนอก เช่น นโยบายของประเทศต้นทาง เพราะขณะนี้ประเทศในยุโรปเปิดเต็มที่แล้ว แต่จีนยังมาไม่ได้"
อย่างไรก็ดี หลังจากภาครัฐเปิดระบบลงทะเบียนรับนักท่องเที่ยวประเภท Test & Go รอบใหม่เมื่อ 1 ก.พ.65 ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนาที่ภูเก็ต พัทยา และสมุย มีการฟื้นตัวของทราฟฟิกนักท่องเที่ยวต่างชาติดีขึ้น
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์