มองหาธุรกิจ "เทคโนโลยี" ต้อง OTO

มองหาธุรกิจ "เทคโนโลยี" ต้อง OTO

"บล.เคจีไอ" จับตาหุ้น OTO หรือ "วันทูวัน คอนแทคส์" ปรับโมเดลธุรกิจรุกเทคโนโลยี โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม "อีสปอร์ต" หนุนรายได้ 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์หุ้น บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO หลังได้ไปเยี่ยมชมบริษัท (Company Visit) โดยจับตาถึงพัฒนาการของ OTO ที่ปรับโมเดลธุรกิจสู่เทคโนโลยี และจะประเมินราคาเป้าหมาย หลังเห็นรายได้แต่ละแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (Esports) ที่คาดว่ามีโอกาสในการเติบโตสูง

บล.เคจีไอฯ ระบุว่า OTO กำลังปรับโมเดลธุรกิจเป็นบริษัทการลงทุนทางด้านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ๆ และขยายจากธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นตัวสร้างกระแสเงินสดของบริษัท (Cash Cow) โดยบริษัท ได้ประกาศแผนเข้าลงทุนใน 2 แพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ ได้แก่ การบริบาลทางเภสัชกรรม และส่งมอบเภสัชภัณฑ์จากเภสัชกร ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารระยะไกล (Telepharmacy) และผู้ให้บริการด้านกระบวนการยุติธรรม (Social Bureau)

ในขณะเดียวกันจากการเยี่ยมชม ฝ่ายวิจัยได้ทราบว่า บริษัท ยังมีอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ Esports โดย OTO อยู่ระหว่างศึกษาแผนการเข้าลงทุนในแพลตฟอร์มใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ Esports ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเป็นศูนย์กลางสำหรับเกมเมอร์ในการที่จะไปท้าประลองกับเกมเมอร์คนอื่นๆ ทั่วโลก โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัล ในขณะที่แพลตฟอร์มจะได้ค่าสมัครสมาชิก

นอกจากนี้ เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโต (อัพไซด์) จากสปอนเซอร์ เพราะการจัดการแข่งขัน (Tournament) ระหว่างผู้เล่นระดับมือโปร จะดึงดูดให้มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากด้วย เราเชื่อว่ารางวัลสำหรับผู้ชนะอาจจะเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Tokens) ซึ่งจะเป็นอัพไซด์สำหรับทั้งเกมเมอร์ และแพลตฟอร์มที่เป็นเจ้าของเหรียญด้วย

โดย บล.เคจีไอ คาดว่าบริษัทน่าจะประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนในแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับ Esports ออกมาในเร็วๆ นี้

ขณะที่ธุรกิจ Telepharmacy นั้น OTO ประกาศลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) เพื่อศึกษาการตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ที่จะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ป่วยกับเภสัชกรแบบผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์เพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งแพลตฟอร์ม Telepharmacy นี้พัฒนาขึ้นมาโดย OTO ในขณะที่ IP จะช่วยสร้างเครือข่ายเภสัชกรผ่าน “LAB Pharmacy” ซึ่งเป็นธุรกิจค้าปลีกเวชภัณฑ์ของบริษัท

นอกจากนี้ OTO ยังมีอัพไซด์จากการร่วมมือกับร้านขายยาและเภสัชกรอื่นๆ เพื่อขยายเครือข่ายเพิ่มเติมอีก ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายละเอียด JV น่าจะได้ข้อสรุปในครึ่งหลังของปี 2565

ในส่วนของแพลตฟอร์ม Social Bureau ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย Blockchain Prime Holding ซึ่ง OTO จะเข้าไปถือหุ้นในบริษัทนี้ 20% ใช้เงินลงทุน 20 ล้านบาท ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Social Bureau เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เน้นการใช้กระบวนการทางสังคมออนไลน์ในกระบวนการยุติธรรมแบบกระจายจากศูนย์กลาง (Decentralized Community–oriented Justice)

โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างโอกาสให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่ต้องการแสวงหาความยุติธรรม และทำให้มีโอกาสที่จะเรียกค่าเสียหายคืนมาได้ ซึ่งการแก้ไขข้อพิพาทตามวิธีการปกติไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับมือกับคดีฉ้อโกงและคดีทางไซเบอร์ (Cybercrime) ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลได้ โดยเฉพาะอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน

โดยแพลตฟอร์มนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสามารถรายงานกรณีที่เกิดขึ้นกับตนเองได้ และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่จ่ายค่าธรรมเนียมให้กับแพลตฟอร์มสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่มีการรายงานได้

ทั้งนี้ คาดว่าแพลตฟอร์ม Social Bureau จะเริ่มเปิดให้รายงานคดีต่างๆ ได้ในครึ่งหลังของปี 2565

สำหรับธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นตัวทำเงิน และการที่บริษัทมีเงินสดในมือจํานวนมากจะเปิดโอกาสสู่การลงทุนใหม่ๆ โดยในช่วงห้าปีก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 (2557-2561) รายได้และกำไรเฉลี่ยต่อปีจากธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ของ OTO อยู่ที่ประมาณ 850 ล้านบาท และ 57 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ในช่วงวิกฤติโควิด -19 กลุ่มลูกค้ารายใหญ่อย่างสายการบิน หยุดการใช้บริการไป แต่คาดว่าจะเริ่มกลับมาใช้บริการในปี 2565 หลังวิกฤติโควิด-19 เริ่มผ่อนคลาย

นอกจากนี้ เชื่อว่า OTO มีโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มอีก เนื่องจากคาดว่า OTO จะมีเงินสดในมือสูงมากกว่า 200 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2564 จากการเพิ่มทุนมูลค่าหุ้นขึ้น ประกอบกับจำนวนสมาชิกที่ใช้งานแต่ละแพลตฟอร์ม

"เรากำลังดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ Esports ที่คาดมีโอกาสในการเติบโตสูงเพื่อประเมินราคาเป้าหมายของ OTO ต่อไป"

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์