ยอดผู้ติดเชื้อพุ่ง (23 กุมภาพันธ์ 2565)
วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงในช่วงเช้าราว -21 จุด ก่อนจะลดช่วงลบลงในภาคบ่าย ดัชนีปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ตึงเครียดมากขึ้น ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศอยู่ในระดับสูง
ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล จากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,691.12 จุด -3.20 จุด -0.19% มูลค่าการซื้อขาย 93,075 ลบ.ต่างชาติ +1,340.17 ลบ. TFEX -14,984 สัญญา ตราสารหนี้ +8,685.61 ลบ.
ปัจจัยบวก
+สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ +1.4% ปิดที่ 92.35 ดอลลาร์/บาร์เรลได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนรวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกที่บังคับใช้ต่อรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย
+สหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นในเดือนก.พ. ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 สูงสุดในรอบ 2 เดือนดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวโดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน และการฟื้นตัวของอุปสงค์ ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานดีดตัวขึ้น
+ จีนจะเปิดตัวมาตรการลดภาษีและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะมากกว่า 1.1 ล้านล้านหยวน (1.7356 แสนล้านดอลลาร์) ในปี 64
+ครม.อนุมัติลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับชาวต่างชาติที่ถือวีซ่าแบบ LTR Visa เหลือ 17% หวังดึงดูดต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าประเทศไทย สภาพัฒน์ประเมิน 5 ปีช่วยหนุนต่างชาติเข้าไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนเพิ่มเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท และสร้างรายได้การเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท
+ครม.เห็นชอบการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอัตราต่ำเพียง 10% ถึง 31 ธ.ค.78
+สสว.รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนม.ค. 2565 ว่าอยู่เหนือระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ทั้งในส่วนค่าดัชนีปัจจุบัน และคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าสะท้อนว่าผู้ประกอบการยังคงมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 482.57 จุด หรือ -1.42% ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดวันและเข้าสู่ภาวะปรับฐานจากความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน หลังจากรัสเซียให้การรับรอง เอกราชแก่สองแคว้นที่เป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
-วุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สามารถใช้กองทัพรัสเซียนอกประเทศได้เพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
- กบง.เบรกข้อเสนอขยายมาตรการช่วย LPG เฉพาะผู้มีรายได้น้อย-อุดหนุนราคาเบนซิน หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคา LPG ในวันที่ 31 มี.ค.65 นี้
-ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 21,232 ราย ATK 16,890 เสียชีวิต 39 ราย
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้รีบาวนด์ตามปัจจัยทางเทคนิคแต่ยังไม่ผ่านแนวต้าน 1,700 จุด เนื่องจากยังมีความกังวลสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย และจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในไทยปรับตัวขึ้นสู่ 2.1 หมื่นคนต่อวันเป็นปัจจัยกดดันต่อการรีบาวนด์ มองกรอบการเคลื่อนไหวในวันนี้ที่ 1,683-1,700 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ชุดตรวจ ATK : SMD WINMED TM
• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC
• หุ้นได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น : PTTEP PTT TOP PTTGC
• มาตรการอุดหนุน EV : EA NEX BYD GPSC NDR
• FTSE Global Equity Index Series (ใช้ราคาปิด 18 มี.ค.65) : Large Cap : - , Mid Cap : - , Small Capหุ้นเข้า : TIPH JTS SINGER หุ้นออก: UV WHART , Micro Cap หุ้นเข้า : 2S, ACC, AQ, APCO, B, BIG, CEN, CTW, CMR, CV, CGH, ECL, EE, FORTH, GJS, IT, MILL, MTI, METCO, NTV, PAP, PTL, SUC, CFRESH, SF, SKY, BFIT, SCM, TOG, TVI, TRC, UBE, UVAN, UV, VNG, WICE หุ้นออก : BYD, TIPH, MK, NEX, OISHI, QHHR, SABUY, SINGER, SYNEX, XPG
หุ้นรายงานพิเศษ
NER - Bloomberg Consensus 10.00 บาท
•บริษัทรายงานกำไรงวด 4Q64 เท่ากับ 605 ลบ. +43%YoY +37%QoQ แม้มีรายได้เท่ากับ 6,020 ลบ. -6%YoY -16%QoQ จากปริมาณขายที่ลดลง เนื่องจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้มีสินค้าบางส่วนเลื่อนส่งมอบมาใน 1Q65 อย่างไรก็ดี %GPM เร่งขึ้นสู่ 14.4% (4Q63 = 9.3%, 3Q64 = 13.2%) เนื่องจากราคาขายที่ปรับตัวขึ้นราว 10%YoY,QoQ แต่ราคาต้นทุนยางยังเป็นราคาในช่วง 2Q64-3Q64 ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ โดยรายได้และกำไรทั้งปี 64 เท่ากับ 24,426 ลบ. +49%YoY และ 1,850 ลบ. +116%YoY ตามลำดับ
•ผบห.ตั้งเป้ารายได้ในปี 65 ราว 2.84 หมื่นลบ. +16%YoY เป้าปริมาณขายราว 5 แสนตัน +11%YoY โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นตัน สู่ระดับกำลังผลิต 5.16 แสนตัน ณ สิ้นปี 65 เนื่องจากความต้องการซื้อยางพารายังคงมีสูง จากแนวโน้มยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัทเพิ่งเจรจากับลูกค้าใหม่เพิ่ม 3 ราย (อินเดีย 2 ไทย 1) ส่วนธุรกิจใหม่แผ่นปูรองปศุสัตว์ แม้มีการเลื่อนติดตั้งเครื่องจักรเป็นช่วงเดือน พ.ค. 65 จากเดิมที่คาดเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ต้นปี แต่ยังคงคาดรายได้ราว 400 ลบ. โดยคาดรายได้จะเร่งขึ้นช่วง 2H65 จากกระแสตอบรับค่อนข้างดี ในเดือน มี.ค. 65 บริษัทเตรียมเดินทางไป 3 ประเทศ เพื่อเจรจาและเซ็นสัญญากับ Distributor
ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยคาดว่าความต้องการใข้ยางพารายังคงสูงต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลายลง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตผลประกอบการปี 65 ขณะที่ ธุรกิจแผ่นปูรองปศุสัตว์ซึ่งปัจจุบันได้กระแสตอบรับดี จะเป็น New-S-Curve ให้กับบริษัทในอนาคต เบื้องต้น Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 65 ราว 2,039 ลบ. +10%YoY
หุ้นมีข่าว
(+) SABUY (Bloomberg Consensus 39.00 บาท) เดิมเกมลงทุนต่อเนื่อง ล่าสุดเข้าถือหุ้นใหญ่ AIT ธุรกิจไอทีรายใหญ่ ต่อยอดดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส พร้อมซื้อหุ้นนครหลวงเครดิต 25% ขยายธุรกิจสินเชื่อรายย่อยทั่วประเทศ พร้อมลงทุนในบัซซี่บีส์ ตั้งเป้า 500,000 ทัชพอยต์ จำนวนผู้ใช้ 100 ล้านคนปีนี้ ดันรายได้พุ่งมากกว่า 100% ตั้งงบลงทุน 3-5 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) GPSC (Bloomberg Consensus 86.50 บาท) ตั้งงบลงทุนปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท ลุยลงทุนพลังงานทางเลือก-พัฒนาคุณภาพแบตเตอรีรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสร้าง New S-Curve คาดผลงานปี 2565 โตตามดีมานด์ใช้ไฟฟ้า-ไอน้ำ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตอีก 500 เมกะวัตต์ ย้ำบริหารจัดการต้นทุนพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CBG (Bloomberg Consensus 121.00 บาท) ปีแห่งการฟื้นตัว ชี้ตลาดในประเทศ-ต่างประเทศโตดี ชูตลาดจีนโอกาสโตถึง 50% เล็งเจาะตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เพิ่ม เดินหน้าควบคุมค่าใช้จ่าย แย้มตั้งแต่ช่วง Q2/2565 นี้มีโอกาสเห็นสินค้ากัญชง-กัญชา ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างดีล M&A ต่อยอด ส่วนงบลงทุนปีนี้คาดอยู่ที่ 600 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SCI (Bloomberg Consensus - บาท) ปี 2564 พลิกทำกำไร พร้อมเดินหน้าตั้งบริษัทย่อย SCI VENTURE มองโอกาสลงทุนธุรกิจใหม่เช่น กัญชง เทคโนโลยี เหมืองขุดคริปโท ขณะที่แผนงานปีนี้เดินหน้าประมูลงานใหม่เพียบ พร้อมเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน เฟส 2 และ พลังงานทดแทนอื่นๆ ตามแผน PDP (ที่มา ทันหุ้น)