‘คิวทีซี’ ลุยธุรกิจเทรนด์โลก หวังก้าวเป็น ‘ผู้นำ’ ด้านพลังงาน

 

“พูลพิพัฒน์ ตันธนสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTCเล่าให้ฟังว่า ในแผนยุทธศาสตร์ 3-5 ปีข้างหน้า (2565-2569) บริษัทมุ่งเน้นลงทุนตามเมกะเทรนด์ของโลกที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด  สะท้อนผ่านความเชื่อที่ว่าทั้งประเทศไทย และทั่วโลกให้ความสำคัญด้านพลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้น...

สะท้อนภาพการลงทุนในพลังงานโซลาร์ปีก่อน ต่อเนื่องมาสู่การศึกษาเพื่อต่อยอดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทเพื่อตอกย้ำสู่การก้าวเป็นผู้นำด้านพลังงานซึ่งมีการให้บริการที่ครบวงจรโดยบริษัทแบ่งการเติบโตเป็น 3 ธุรกิจหลัก

1.ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า(Core Business) ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความถนัดและมีประสบการณ์ โดยวางเป้าการเติบโตไว้ระดับ 1,000 ล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่ง QTC เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงแบบ Super low loss รายแรกของประเทศไทย ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ถึง 80% และยังมีสินค้าหม้อแปลงคุณภาพอื่นๆ อีกมากมายตั้งแต่รุ่นกำลังไฟฟ้า 30-30,000 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA)

โดยปี 2565 บริษัทเตรียมแผนงานการเข้าประมูลงานของหน่วยงานราชการ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)  มูลค่ารวม 2,500-3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ามีโอกาสได้งานดังกล่าว ประมาณ 250-300 ล้านบาท  หรือประมาณ 10% ของมูลค่างานโดยรวม และยังมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น  ประเทศออสเตรเลีย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าประมาณ 300 ล้านบาท

ขณะที่งานในส่วนของภาคเอกชน อาทิ โครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่เตรียมเปิดโครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เข้ามาประมาณ 300 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา บริษัทมียอดมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 417 ล้านบาท

2.ธุรกิจมีการเติบโต (Growth Business) หรือ “ธุรกิจเทรดดิ้ง” ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar, Trina Solar, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter ซึ่งในปีนี้มีการทำการตลาดเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการให้บริการที่ครบวงจร เนื่องจากเล็งเห็นว่าผู้ประกอบการขนาดกลางให้ความสำคัญในการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา เพิ่มขึ้นถึง 60 -70 % และในส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น 10-20% จึงคาดว่าปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ และ Solar Inverter ประมาณ 300 ล้านบาท

3.ธุรกิจอนาคต (Future Business)วางเป้าการเติบโต 3-4 ปีข้างหน้า มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท อย่าง สถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) เฟสแรก จำนวน 4 สถานี หรือ 12 หัวจ่าย โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท โดยบริษัทเตรียมดำเนินการให้บริการสถานีน้ำมันแห่งแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ย่านแสมดำ และหลังจากนั้นจะขยายเส้นทางสถานีติดตั้งไปสู่เส้นทางเหนือ และภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนครราชสีมา โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงกลางปี 2565 

“ทั้ง 3 ธุรกิจ จะเป็นส่วนสำคัญให้บริษัทบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในระยะยาว ทั้งหม้อแปลงไฟฟ้า Super-โซลาร์เซลล์-Inverter-EV Charging Station โดยมีนวัตกรรมระบบหม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Transformer Monitoring System) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว”

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2565 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อมุ่งสู่ Superior Long-term Performance หรือสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้แตะระดับ 1,200 ล้านบาท สะท้อนผ่านปีนี้ยอดขายเติบโต และภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวจากปีก่อน หลังมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลาย ทำให้มีงานหม้อแปลงมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะได้งานเพิ่มอีก

ขณะที่ ผลประกอบการงวดปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม เท่ากับ 1,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น13.94% แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 741 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter  246  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัท คิวโซลาร์1 จำกัด ขนาด 8.6 เมกะวัตต์ (MW)จำนวน  134  ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท

ท้ายสุด “พูลพิพัฒน์”ทิ้งท้ายไว้ว่า จากยุทธศาสตร์ที่จะกลายเป็นคีย์หลักในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท เรายังศึกษาเพื่อต่อยอดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัท เพื่อตอกย้ำสู่การก้าวเป็นผู้นำด้านพลังงานซึ่งมีการให้บริการที่ครบวงจร

 

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์