PRM กำไรปี 64 ที่ 1,526.5 ล้าน ลดลง10.3% เหตุน้ำมันพุ่งกดดันธุรกิจ FSU ชะลอตัว
พริมา มารีน กำไรปี64 ที่ 1,526.5 ล้าน ลดลง10.3% จากปีก่อน เหตุธุรกิจ FSU ชะลอตัวจากราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อเนื่องทั้งปี ด้านบอร์ดฯ มีมติอนุมัติเงินปันผลในอัตรา 0.26 บาทต่อหุ้น มองปี 65 ตั้งเป้าโต 10% รับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น มองครึ่งปีหลังเป็นจุดเทิร์นอะราวด์
บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRMแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานปี 64 ทำรายได้รวม 5,880 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,526.5 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 63 มีรายได้รวม 5,925.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,701.6 ล้านบาท
โดยในส่วนของกำไรสุทธิปี 64 ลดลง 10.3% จากในปี63 เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจ FSU จากราคาน้ำมันดิบในตลาดมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2564
นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM
เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ชะลอตัวลง จึงถือเป็นปีแห่งความท้าทายในเชิงการบริหารจัดการเพื่อรับมือกับปัจจัยลบที่เกิดขึ้น
โดยบริษัทฯได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารพอร์ตกองเรือ ให้มีความเหมาะสมกับทิศทางของอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นการขยายการลงทุนในธุรกิจเรือขนส่งระหว่างประเทศ และธุรกิจเรือ Offshore Support Vessel ซึ่งเป็น 2 กลุ่มธรกิจที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโต
โดยการส่งมอบเรือขนาด VLCC จำนวน 1 ลำ เพื่อให้บริการแก่กลุ่มไทยออยล์ภายใต้สัญญาระยะยาว รวมถึงมีการขยายธุรกิจในเรือ Crew Boat จำนวน ที่ยังคงมีความต้องการสูงเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานในกิจกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่อยู่ในช่วงขยายตัว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 จึงมีมติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.26 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น คงเหลือจ่ายเงินปันผลจากงวดการดำเนินงานในปี 2564 เพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นอีก 0.18 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการจ่ายจากกำไรสุทธิส่วนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (Non-BOI) ในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลในครั้งนี้รวม 450 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 ซึ่งจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติต่อไป
สำหรับเป้าหมายในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตประมาณ 10% จากการนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านความพร้อมพอร์ตกองเรือเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนตั้งแต่ช่วงครี่งปีหลังของปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนส่งมอบเรือ VLCC จำนวน 2 ลำ เพื่อให้บริการแก่กลุ่มไทยออยล์ภายใต้สัญญาระยะยาว ซึ่งจะสร้างความมั่นคงของรายได้ประจำและสม่ำเสมอ (Recurring Income) และเป็นแรงผลักดันการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งภายในประเทศคาดว่าจะมีอัตราการใช้เรือเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงขยายการให้บริการเรือเพื่อการขนส่งปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มเรือ Offshore บริษัทฯ มีแผนนำเรือ Crew Boat ขยายการให้บริการเพิ่มเติม จากความต้องการในการใช้เรือที่เพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจเรือ FSU ที่มุ่งบริหารจัดการเรือให้มีอัตราการใช้เรือในระดับสูง เพื่อสนับสนุนการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย