"อนุสรณ์ ธรรมใจ"มองจีดีพีรัสเซียจะหดตัวทันที 5% หลังถูกตัดจากระบบ SWIFT
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตบอร์ดแบงก์ชาติมองการตัดรัสเซียออกจากระบบการเงินโลก SWIFT จะส่งผลให้จีดีพีรัสเซียลดลงไม่ต่ำกว่า 5% ในหนึ่งปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ ราว 2.72 ล้านล้านบาท มองคริปโทฯ จะเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในสงครามรัสเซียยูเครน
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่าในที่สุดชาติตะวันตกก็กันสถาบันการเงินรัสเซียออกจากระบบ SWIFT หลังจากลังเลในตัดสินใจเพราะเกรงผลกระทบต่อสถาบันการเงินในยุโรปบางประเทศ
การไล่รัสเซียออกจากระบบ SWIFT น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจรัสเซียมากจากการที่รัสเซียต้องพึ่งพารายได้เป็นเงินตราต่างประเทศจากการขายน้ำมันและพลังงานมากกว่า 40% ของงบประมาณ และคิดเป็น 60% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด
โดยระบบ SWIFT เชื่อมโยงสถาบันการเงินต่างๆ มากกว่า 11,000 แห่งครอบคลุมการให้บริการมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก หากรัสเซียไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในระบบ SWIFT ได้ย่อมส่งผลต่อการชะงักงันของการส่งออกและกระทบรายได้จำนวนมาก
น่าจะทำให้จีดีพีของรัสเซียลดลงไม่ต่ำกว่า 5% ภายในหนึ่งปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 85,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 0.085 ล้านล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินบาทเท่ากับ 2.72 ล้านล้านบาท) ทั้งนี้ จีดีพีของรัสเซียอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ถือเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลก
อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการคว่ำบาตรให้รัสเซียออกจาก SWIFT นี้ไม่ได้ทำแบบเบ็ดเสร็จ คือ มีการมุ่งเป้าไปยังธนาคารเป้าหมายเท่านั้น ผลกระทบในการสร้างความเสียหายต่อรัสเซียยังคงจำกัดวงอยู่ ไม่ได้มีการ Cut off Completely แต่เป็น Targeted Cut off ตามการร้องขอของเยอรมนี เพราะการ Cut off Completely จะกระทบต่อบริษัทพลังงานในเยอรมนีค่อนข้างมาก ขณะที่สถาบันการเงินในเยอรมนีและสหรัฐที่ใช้ระบบ SWIFT สื่อสารและทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินในรัสเซียก็จะได้รับกระทบอย่างมากไปด้วย
นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวย่อมส่งผลต่อตลาดการเงินโลกและสถาบันการเงินบางแห่ง ต้นทุนในการทำธุรกรรมเพิ่มสูงขึ้น และทำให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันและพลังงานสู่ตลาดโลกได้ตามปรกติย่อมส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไป
มาตรการ SWIFT ไม่น่าส่งผลต่อรัฐบาลปูตินในทางการเมืองหรือการทหารมากนัก ขณะเดียวกันรัสเซียอาจจะไปใช้ระบบ China’s Cross-Border Inter-Bank Payment System หรือ คริปโทเคอร์เรนซีแทน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่สามารถทดแทนระบบ SWIFT ได้
โดยรัสเซียไม่ได้เป็นประเทศแรกที่โดนชาติตะวันตกคว่ำบาตรด้วยมาตรการ SWIFT อิหร่านเคยถูกปิดกั้นออกจากระบบ SWIFT ทำให้การค้าต่างประเทศของอิหร่านหายไปกว่า 30% และนำมาสู่การที่อิหร่านยอมเข้าสู่การเจรจากับชาติตะวันตกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ใน 2-3 ปีต่อมา ไม่สามารถทนต่อการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้
ดร.อนุสรณ์ กล่าวเสริมว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ทั้งการปิดกั้นไม่ให้รัสเซียเข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดการเงินของชาติตะวันตก การยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้นำรัสเซียที่ใกล้ชิดประธานาธิบดีปูตินและการควบคุมการส่งออกสินค้าบางประเภทไปยังรัสเซีย มาตรการเหล่านี้ส่งผลต่อแรงกดดันทางการเมืองและทางการทหารมากกว่ามาตรการ SWIFT
เราจะได้เห็นสงครามแบบผสมผสานหรือ Hybrid Warfare ในสงครามรัสเซียยูเครนครั้งนี้ มาตรการทางเศรษฐกิจ มาตรการการเงิน มาตรการโจรกรรมทางไซเบอร์ที่สร้างความปั่นป่วนในระบบการสื่อสารโทรคมนาคม ความระส่ำระสายในระบบสถาบันการเงินและระบบการชำระเงิน จะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่
การใช้ “มาตรการทางเศรษฐกิจ” และ “มาตรการการเงิน” มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการทำสงครามจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกโดยภาพรวมด้วยนอกเหนือจากประเทศคู่ความขัดแย้งแห่งสงคราม การปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation: IO) และปฏิบัติการทางจิตวิทยาอย่างมากมาย มีการสร้างข่าวปลอม ส่งผลต่อความผันผวนในตลาดการเงินมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เขา มองว่า คริปโทเคอร์เรนซีจะเข้ามีบทบาทเพิ่มขึ้นเพื่อการโอนเงินและการชำระเงินระหว่างประเทศในสงครามรัสเซียยูเครน เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซีมีลักษณะของการเงินแบบกระจายศูนย์ไม่มีศูนย์กลางควบคุม จึงถูกใช้เพื่อรับมือการคว่ำบาตรทางการเงินและเศรษฐกิจของชาติตะวันตกต่อรัสเซียและการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการเงินให้กองทัพยูเครน
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการเกิดฟองสบู่คริปโทเคอร์เรนซีแตกเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อุปสงค์ต่อคริปโทเคอร์เรนซีของรัสเซียและยูเครนไม่เพียงพอต่อการประคับประคองราคาที่ทรุดตัวลงอย่างรุนแรง ในสถานการณ์สงครามเช่นนี้ คริปโทเคอร์เรนซีที่ได้รับความนิยมจะเป็น Stablecoin ที่ผูกกับเงินดอลลาร์ ประชาชนในยูเครนจะถือ Stablecoin มากกว่าเงินสด เนื่องจากจะปลอดภัยกว่า
รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยหรือสถาบันการเงินไทยควรระมัดระวังในการถูกใช้ให้เป็นเครื่องมือในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของระบอบปูติน เพราะผลประโยชน์ทางการเงินที่ได้ไม่คุ้มค่ากับผลเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นติดตามมา
จุดยืนของไทยควรเป็นจุดยืนของการต่อต้านสงครามและต่อต้านการรุกรานประเทศอื่นและต่อต้านการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ สนับสนุนการเคารพบูรณภาพแห่งดินแดน สนับสนุนสันติภาพและการเจรจาเพื่อยุติสงครามและยุติความรุนแรงนองเลือดเพิ่มเติม
ให้การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเท่าที่ทำได้ต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม โดยไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง นโยบายต่างประเทศควรวางตัวเป็นกลาง เพราะความขัดแย้งและสงครามรัสเซียยูเครนนั้นมีความซับซ้อนมากและประเทศไทยไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงจากปัญหาดังกล่าว จึงไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย
และผู้บริหารนโยบายต่างประเทศต้องรู้ว่าผลประโยชน์แห่งชาติคืออะไร การรักษาสมดุลและการลำดับสำคัญของการดำเนินนโยบายเป็นเรื่องสำคัญ และรัฐบาลต้องรีบจัดส่งหน่วยงานปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในยูเครนโดยด่วน