UPA ตั้งเป้าโตเหมืองขุดคริปโทฯ ปั้นรายได้แซงธุรกิจหลัก
“ยูไนเต็ด เพาเวอร์ฯ” ตั้งเป้าปี 65 รายได้ 1.2 พันล้าน โตพุ่ง 300% แรงหนุนธุรกิจขุดเหมืองคริปโทฯ คาดรับรู้รายได้ครั้งแรกไตรมาส 1/65 ทั้งปีสร้างรายได้ 800 ล้าน หนุนสัดส่วนรายได้ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโตแซงหน้าธุรกิจพลังงานที่เป็นธุรกิจหลัก
นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโต 300% จากปี 2564 ที่คาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยหลักเป็นการเติบโตจากธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ภายหลังบริษัทฯ ประกาศลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Mining) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจพลังงาน
โดยคาดว่าปีนี้ ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะสร้างรายได้ให้บริษัทฯ มากที่สุด 800 ล้านบาท รองลงมา คือ ธุรกิจพลังงาน 400 ล้านบาท และธุรกิจกัญชง-กัญชา 60-70 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าในปี 2566 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60% ขณะที่ธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในปัจจุบันจะลดลงเหลือ 25% และธุรกิจกัญชง-กัญชา ซึ่งเป็นธุรกิจที่เพิ่งเริ่มเปิดดำเนินงานปี 2564 จะอยู่ที่ 15%
สำหรับแผนการดำเนินงานธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลปีนี้ บริษัท มีแผนติดตั้งเครื่องขุดเหรียญ 2 รูปแบบ ได้แก่ 1. ติดตั้งบนพื้นที่ (Site) ของบริษัทฯ โดยร่วมทุนกับพันธมิตร ร่วม Asia Investment and Financial Services Sole Company Limited (AIFS) ในสัดส่วนบริษัทละ 50% กำลังการผลิตรวม 6,000 เครื่อง แต่คาดจะติดตั้งไม่เกิน 4,900 เครื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่เพื่อวางเครื่องจุด รวมถึงติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย แต่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ทันภายในเดือน ก.พ.2565
2. ฝากเครื่องขุด โดยบริษัทฯ จะได้รับรู้ค่าขุด 60% หลังหักค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าไฟฟ้า 20% ต้นทุนบุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ราว 5-10% กล่าวคือ หากขุดบิตคอยน์ (BTC) จำนวน 100 BTC บริษัทฯ จะได้รับ 60 BTC เป็นต้น โดยมีกำลังการผลิตรวม 2,000 เครื่อง แต่คาดว่าจะติดตั้ง 990 เครื่อง ซึ่งเป็นการฝากเครื่องในช่วงที่กำลังก่อสร้าง Site ของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2565
ทั้งนี้ บริษัทฯ ไม่ได้ปิดกั้นการขุดสกุลเงินดิจิทัล (คริปโทเคอร์เรนซี) สกุลอื่นๆ แต่เบื้องต้นจะเริ่มจาก BTC โดย BTC ที่ขุดได้ 75% จะนำไปจำหน่ายเพื่อรับรู้รายได้และชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนอีก 25% จะแบ่งไปซื้อขายทำกำไร (Speculate) เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทน
“เราตั้งเป้าหมายให้คริปโทฯ กลายเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจพลังงานในสปป.ลาว แม้ปัจจุบันจะขายไฟฟ้าได้ แต่มีจุดอ่อนที่รัฐบาลชำระราคาล่าช้า เราจึงผันตัวจากธุรกิจพลังงานมาเป็นคริปโทฯ เพราะเมื่อขุดมาก็ขายให้ศูนย์ซื่อขาย (Exchange) ได้ ไม่ต้องรอการชำระราคาจากรัฐบาล รวมถึงในลาวมีจุดแข็งที่ต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศอื่นๆ”
เมื่อสอบถามถึงธุรกิจพลังงาน นายกวิน กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตมั่นคง และหากมีดีลซื้อขายหรือควบรวมกิจการ (M&A) ที่น่าสนใจ กล่าวคือ เป็นโรงไฟฟ้าที่ให้ผลตอบแทนที่แท้จริง (IRR) สูงกว่าระดับ 8-9% บริษัทก็พร้อมพิจารณาเข้าลงทุน ขณะที่แผนการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ในปีนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการโรงไฟฟ้าก๊าซที่เมียนมา กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างติดตั้งสายส่งและรอความชัดเจนจากรัฐบาล