‘คริปโตมายด์’ชู ดิจิทัลแอสเสท ทางเลือกลงทุน ให้ผลตอบแทนสูงสุด20%
คริปโตมายด์ ชี้ โลกกำลังถูกเปลี่ยนถ่ายไปสู่ เว็บ3.0 ที่เป็นโลกของ ดิจิทัลแอสเสท ที่มีทั้งโอกาสสำหรับธุรกิจ และนักลงทุน ให้สามารถมีสิทธิเป็นเจ้าของ และสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 20%
หากพูดถึงพัฒนาการของโลกดิจิทัล พบว่ามีการเปลี่ยนผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เว็บ 1.0 ที่เป็นยุคแรกๆ ของการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในช่วงเริ่มต้น มาสู่ยุคปัจจุบัน ที่เข้าสู่ เว็บ2.0 ที่เกิดการพัฒนาและต่อยอดมากขึ้น ไปสู่แพลตฟอร์มหลายแพลตฟอร์มที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน เช่น เฟสบุ๊ก ยูทูบ กูเกิ้ล ฯลฯ และโลกปัจจุบัน โลกกำลังหมุนและเปลี่ยนผ่านไปสู่ เว็บ 3.0 ซึ่งเป็นโลกแห่งอนาคตที่พัฒนาจากอดีตมากไกลมาก
“สัญชัย ปอปลี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวในงานสัมมนากรุงเทพธุรกิจ “ Digital Asset โอกาสและความเสี่ยง” ภายใต้หัวข้อ “ยุค 3.0 เปิดโอกาสลงทุนบริหารความมั่งคั่ง”ว่า ปัจจุบันเรากำลังเข้าสู่โลกที่อยู่ระหว่างการ “เปลี่ยนถ่าย” ระหว่างเว็บ 2.0 เข้าสู่เว็บ 3.0 ที่จะสร้างโอกาสค่อนข้างมากในโลกระยะข้างหน้า
โดยเว็บ 3.0 เป็นโลกที่จะเปลี่ยนทุกอย่างไปสู่ความเป็นเจ้าของ หรือ ownership มากขึ้น
และเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถมีสิทธิเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ ดังนั้นบนโลกของเว็บ 3.0 จะทำให้เกิดมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ และบิสซิเน็ตโมเดลใหม่ๆอีกมากที่จะเกิดขึ้นบนโลก และเป็นช่องทางในการระดมทุนและโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นในตลาดนี้
ทั้งนี้เว็บ 3.0 ถูกขับเคลื่อนผ่าน Infrastructure ของ Blockchain หรือ Ethereum ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ที่ทำให้เกิดการพัฒนาไปสู่ เช่น DeFi หรือ Decentralized Finance ระบบการเงินไร้ตัวกลาง รวมถึง GameFi หรือ NFT หรือ Non-Fungible Token และอนาคตจะมีอีกมากมายที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้
“จากเว็บ 3.0 กำลังเข้ามาเปลี่ยนหลายธุรกิจอย่างคาดไม่ถึง เหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่เกิดจากการต่อยอดจากเว็บ 3.0 หรือต่อ ยอดจาก โครงสร้างพื้นฐานของบล็อกเชนต่างๆ อนาคตเราจะเห็นการพัฒนา การเปลี่ยนผ่านอีกมากที่อยู่บนบล็อกเชนอินฟราสตรัคเจอร์”
ทั้งนี้หากดูการเติบโตของโลก DeFi เติบโตอย่างก้าวกระโดด ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยด้านราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 10เท่า หรือมีมูลค่ารวมแล้วที่ 185 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเติบโตมหาศาล
ในระยะข้างหน้า คาดว่ามูลค่าเหล่านี้จะยิ่งเติบโตมากขึ้นอีก เพราะนักลงทุน และสถาบันต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญกับตลาดเหล่านี้มากขึ้น และสะท้อนผลตอบแทนที่ได้จากตลาดนี้มหาศาล
สำหรับมุมการสร้างผลตอบแทนการลงทุน หากเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างเงินฝากธนาคาร และการฟาร์ม Stablecoin ต่างๆ พบว่าแตกต่างกันมาก การลงทุนในเงินฝาก ได้ผลตอบแทนอย่างมาก 1-2% แต่โลกของ DeFi แม้จะมีความเสี่ยง แต่ผลตอบแทนสูงตั้งแต่ 2-3% ไปจนถึง 19-20%
ดังนั้นเหล่านี้ ถือเป็นช่องทางอีกด้าน ที่เป็นเหมือนที่พึ่ง ที่จะทำให้นักลงทุนต่างๆสามารถได้ผลตอบแทน และทำสร้างพอร์ตการลงทุนต่างๆได้
ในตลาดของไทย โลกของ DeFi เติบโตมากขึ้นต่อเนื่อง โดยหากดูข้อมูลของโลก พบว่า คนไทยมีการลงทุนในแพลตฟอร์มของDeFi ทั่วโลก โดยนักลงทุนไทยติดอันดับ ท็อป 5-10 ที่ลงทุนในแพลตฟอร์มDeFi ทั่วโลก
เป็นตัวสะท้อนอย่างดีว่า คนไทยเริ่มมีความรู้ และเข้าสู่โลกของ DeFi มากขึ้น เพื่อแสวงหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับโลกของ NFT ที่ปัจจุบันนักลงทุน ศิลปิน ผู้ผลิตเกมส์ต่างๆให้ความสนใจเพิ่มขึ้น
ในด้าน คริปโตมายด์ ฯปัจจุบัน มีนักลงทุนที่เทรด และซื้อขายผ่านบริษัทอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งพบว่านักลงทุนที่เข้ามาจำนวนมาก ยังไม่มีความรู้ และต้องการการดูแล เพราะตลาดนี้เปลี่ยนแปลงเร็ว เพราะการเข้าสู่ตลาดของดิจิทัลแอสเสทมีความเสี่ยง ที่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูล แต่ก็มองว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสของการลงทุนใหม่ๆเสมอ