LH BANK ขยายพอร์ตสินเชื่อบ้าน-เอสเอ็มอี หวังรีเทิร์นเพิ่ม
“แอลเอชแบงก์” ปรับโครงสร้างธุรกิจ รองรับการเติบโตธุรกิจ ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตลูกค้าต่างประเทศ จากไต้หวันใน5ปี เป็น 500 บริษัท หวังหนุนพอร์ตด้านต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารุกสินเชื่อไฮยิลด์ "สินเชื่อบ้าน- สินเชื่อธุรกิจขนาดกลาง -เอสเอ็มอี. หวังรีเทรนด์เพิ่ม
นางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า ในปีนี้ธนาคารจะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจหลายด้าน ทั้งการปรับโครงการภายใน การปรับภาพลักษณ์สาขา การปรับพอร์ตลูกค้าสินเชื่อ เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มในอนาคต
ทั้งการขยายการเติบโตของพอร์ตลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าบริษัทจากไต้หวัน ที่เป็นลูกค้าจากธนาคาร CTBC Bank ธนาคารเอกชนอันดับหนึ่งในไต้หวัน ที่เป็นผู้ถือหุ้นของ LH ถึง 46.61% โดยตั้งภายใน 5 ปี จะมีลูกค้าจากไต้หวันเพิ่มขึ้นเป็น 500 บริษัท หรือราว 10% ของลูกค้าธุรกิจที่อยู่กับ CTBC ที่มี5,000 บริษัท
โดยปัจจุบันมีลูกค้าธุรกิจจากไต้หวันเข้ามาเป็นลูกค้า LH แล้วราว 100บริษัท
รวมถึงการพัฒนาบริการธุรกรรมต่างประเทศในรูปแบบดิจิทัล (Digital Trade Finance)เฟส 2 เพื่อรองรับภาคธุรกิจที่ทำธุรกิจนำเข้าส่งออกมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้านภาพรวมสินเชื่อ ตั้งเป้าจะไปรุกการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มไฮยิลด์มากขึ้น
โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อสร้างผลตอบแทนให้พอร์ต โดยคาดสินเชื่อโดยรวมปีนี้โต 6-7% ขณะที่สินเชื่อบ้าน คาดโตไม่ต่ำกว่า 20% จากการรุกต่างจังหวัดครั้งแรก
ด้านสินทรัพย์ของธนาคารล่าสุดอยู่ที่ 2.65 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นต่อเนื่องใน 10ปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ตั้งเป้าโตอีก 7% นอกจากนี้ตั้งเป้าในการขยายฐานลูกค้าบนดิจิทัล
โดยล่าสุดมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์ชีพทางธุรกิจ เพื่อเข้ามาช่วยในด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการเติบโตรูปแบบใหม่ หรือ อินออร์แกนิคโกรท ซึ่งการร่วมกันพันธมิตรครั้งนี้จะมีความชัดเจนหรือมีโปรดักต์ออกมาให้เห็นได้ในปลายไตรมาส 2ปีนี้
สำหรับการเติบโตบนดิจิทัลแบงก์ ตั้งเป้าเพิ่มพอร์ตลูกค้าบนดิจิทัลที่ใช้งานผ่านแอปพลิเคชันของ LH เพิ่มเป็น 50% หรือกว่า 1แสนราย จากลูกค้าทั้งหมดที่มีราว 2แสนราย
ส่วนด้านคุณภาพสินเชื่อ แบงก์ยังอยู่ในโหมดระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดยคาดว่าจะสามารถคุมหนี้เสียให้ปีนี้ไม่ให้เกิน 3% ได้จากปัจจุบันที่หนี้เสียอยู่ที่ 2.44%