ถอดรหัสแผนรุกตลาด “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค” เดินหน้าบุกลูกค้ากลุ่ม B2B ชูกลยุทธ์ยกระดับความพึงพอใจเพื่อสู้ศึก
“มิตซูบิชิ อีเล็คทริค” ประกาศเปิดเกมบุก เดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศอันดับ 1 ของไทย ด้วยการประกาศรุกทั้งตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน และตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ พร้อมวางเป้าหมายผลักดันยอดขายเติบโตให้ได้ถึง 120% ในปี 2565
ความไม่แน่นอนของสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจและการตลาดที่ “ชะลอตัว” ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงในปีนี้ ยังคงเป็นโจทย์ท้าทายที่ผู้ประกอบการทั้งหลายต่างต้องงัดเอากลยุทธ์ต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์อย่างหนักหน่วง
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ช่วงเวลานี้อาจเป็นจังหวะที่ดี สำหรับผู้ประกอบการหลายรายที่สามารถ พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ นำเสนอแก่ผู้บริโภค เพื่อสร้างแต้มต่อในเกมธุรกิจ และเตรียมความพร้อมรับมือกับเกมบุกเต็มกำลัง ในช่วงเวลาที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวในอนาคต
แนวคิดดังกล่าว อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้แบรนด์เครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ภายในบ้านระดับพรีเมียมที่ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจต่อเนื่อง จนสามารถครองความนิยมในใจผู้บริโภคมายาวนานถึง 50 ปี อย่าง “มิตซูบิชิ อีเล็คทริค” ประกาศเปิดเกมบุก เดินหน้ารักษาความเป็นผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศอันดับ 1 ของไทย ด้วยการประกาศรุกทั้งตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน และตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ พร้อมวางเป้าหมายผลักดันยอดขายเติบโตให้ได้ถึง120% ในปีนี้
เปิดเกมรุกตลาด ไม่หวั่นแม้เผชิญ “โควิด-19”
วิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้วิถีชีวิตผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และยังมีผลกระทบต่อกำลังซื้อที่ชะลอตัวตามสถานการณ์
มร.ชินจิ คามิยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ยอมรับว่า ด้านตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในปี 2564 หดตัวลง ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพียง 93% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยบริษัทฯ ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงไตรมาส 2 (กรกฎาคม - กันยายน) และคาดว่า อัตราการเติบโตของยอดขายจะอยู่ที่ 95% ณ สิ้นปีงบประมาณ 2564
อย่างไรก็ดี แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ซึ่งเป็นสินค้าหลักยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งไว้ได้ ในปีงบประมาณ 2564 (เมษายน 2564 – มีนาคม 2565)
“สำหรับในปี 2565 เป็นต้นมา จากผลกระทบของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ทำให้เรายังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน แต่คาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเชิงพาณิชย์ จะกลับมามีสภาพใกล้เคียงกับปี 2562 ได้ หลังปี 2566” มร.ชินจิ ให้ข้อมูล
“การขายในปีงบประมาณ 2565 นี้ (เมษายน 2565 - มีนาคม 2566) บริษัทฯ มุ่งเน้นการเสริมฟังก์ชั่น เพิ่มไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงยกระดับด้านการขนส่งโลจิสติกส์และงานบริการหลังการขาย พร้อมทุ่มงบประมาณส่งเสริมการขายกว่า 1,100 ล้านบาท เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการขายให้เติบโตกว่าปีที่ผ่านมาในอัตรา 120%” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา กล่าว และยังได้ประกาศแผนเสริมแกร่งโครงสร้างธุรกิจในปีนี้ ว่าจะมุ่งดำเนินการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าทั้งในกลุ่มลูกค้าผู้บริโภค (B2C) และกลุ่มธุรกิจเชิงพาณิชย์ (B2B) ต่อเนื่อง
สำหรับด้านแผนงานธุรกิจทั้งในระยะกลางและระยะยาว บริษัทฯ มุ่งเน้นการทำตลาดในธุรกิจ B2B โดยเน้นเสริมทุนและทรัพยากรที่สร้างความเจริญเติบโตให้ยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ขณะที่ในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์ ทางบริษัทฯ ยังมีการสร้างคลังสินค้าเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าทางภาคเหนือขึ้นที่จังหวัดลำปางในปี 2562 และล่าสุดยังได้สร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ในเขตภาคอีสานขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อเดือนพฤศจิกายน ในปี 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้สามารถลดเวลาในการส่งมอบสินค้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้มีแผนที่จะขยายศูนย์บริการสาขา “สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ” ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 6 สาขา เพิ่มเป็น 8 สาขา และเพิ่มสัดส่วนการขายธุรกิจ B2B จากปัจจุบัน 15% เป็น 30% ภายในปี 2568 โดยจะเน้นเสริมกำลังทีมช่างผู้ชำนาญการ เพื่อรองรับงานบริการ ณ ศูนย์บริการสาขา ทั้ง 8 แห่งทั่วประเทศ
พร้อมลงทุนกว่า 60 ล้านบาท เพื่อพัฒนานำระบบ “Online service system”เข้ามาใช้ ช่วยให้กระบวนการทำงานทุกขั้นตอนตั้งแต่รับเรื่องแจ้งซ่อมจากลูกค้าไปจนถึงซ่อมเสร็จเป็นไปอย่างรวดเร็ว ช่วยย่นระยะเวลาและตอบสนองต่อการซ่อมบริการได้ดียิ่งขึ้น เสริมทัพในด้านบริการหลังการขาย” มร.ชินจิ กล่าวทิ้งท้าย
ถอดรหัสแผนบุก B2B เสริมทัพ ดันเป้า 120%
ตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์นับเป็นตลาดมีศักยภาพ เนื่องจากได้รับอานิสงส์ และปัจจัยบวกจากโครงการลงทุนทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือธุรกิจกลุ่มอสังหาฯ ที่ยังคงโตต่อเนื่อง และแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติต่างๆ แต่ก็ยังคงมีดีมานด์ต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ซึ่งจากความเชื่อมั่นว่าตลาดเชิงพาณิชย์จะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต ทางแบรนด์ยังเดินหน้าสร้างการเติบโตและสร้างยอดขายในส่วนของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์มากยิ่งขึ้น
มร.ทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ให้ข้อมูลว่า ในปีนี้ ทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ (Package Air Conditioner) รุ่นใหม่ ที่มีความโดดเด่นด้านการประหยัดพลังงาน และสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม Plasma Quad Connect แผ่นกรองอากาศประสิทธิภาพสูง ช่วยฟอกอากาศ ทำให้อากาศบริสุทธิ์พร้อมมอบพื้นที่ที่สะดวกสบาย ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม Standard Inverter M-Series เป็นสินค้าเรือธงบุกตลาด B2B
ส่งไลน์อัพโปรดักต์ใหม่ รุกตลาด B2C
หลังเผชิญวิกฤติโควิด-19 กว่าสองปี แต่เปิดศักราชใหม่ปี 2565 ปีนี้ ทาง มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เดินหน้าสร้างกระแสให้ตลาดความเย็นร้อนระอุอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์พร้อมกันทีเดียวถึง 5 ไลน์อัพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ตู้เย็น พัดลม เครื่องฟอกอากาศ โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมตอบโจทย์ Smart Lifestyle ที่ช่วยให้สุขภาพดีและสะดวกสบาย
ปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใส่ใจเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้น เเละมองหาสินค้าที่มีคุณภาพเเละตอบสนองความพึงพอใจได้ ทางบริษัทฯ จึงต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ เพื่อให้ก้าวทันผู้บริโภค โดยเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
ในปีนี้ มีผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง เครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม 3D Move-eye Kiwami AW Series ที่มีความโดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะ 3D Move-eye Kiwami มากถึง 32 จุด ตรวจจับอุณหภูมิและความเคลื่อนไหวของผู้คนได้อย่างละเอียดแม่นยำ ผสานการทำงานร่วมกับ Fast Cooling A.I. ช่วยให้เย็นเร็วยิ่งขึ้น ด้วยการปรับอุณหภูมิอัตโนมัติพร้อมควบคุมทิศทางการกระจายความเย็นได้ 3 รูปแบบ ตามความเหมาะสมกับอุณหภูมิห้องและผู้ใช้งาน สัมผัสความเย็นสบายที่มาพร้อมการประหยัดพลังงาน และมั่นใจในคุณภาพอากาศด้วย Plasma Quad Plus ระบบฟอกอากาศที่ช่วยดักจับและยับยั้งสิ่งเจือปนในอากาศขนาดเล็ก เช่น เชื้อรา ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และสามารถยับยั้งเชื้อไวรัส ได้ถึง 99.8%
ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น FS45 ที่มาพร้อมช่อง Soft Freezing case และ Capsule Door Pocket เพิ่มความสะดวกสบาย และระบบ Neuro Inverter เพื่อการประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น และรุ่นFC38 เพิ่มพื้นที่ความจุมากขึ้น ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย โดยเป็นรุ่นที่เพิ่มความจุต่อยอดมาจากรุ่น FC35 ที่ได้รับความนิยมอยู่เดิม
พัดลมมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ขนาด 12-18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ทันสมัย มาพร้อมหน้ากาก Fan grill และตัวเครื่องรูปโฉมใหม่ ทั้งยังประหยัดพลังงานและใช้งานสะดวกสบาย
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) แผ่นกรอง HEPA ประสิทธิภาพสูงที่พัฒนาขึ้นใหม่ สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.1 ไมครอนได้ถึง 99.97% (อัตราการกำจัดต่อหนึ่งรอบ) นอกจากนี้ตัวแผ่นกรอง HEPA ยังมีส่วนผสมของสารต้านไวรัส จึงสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ถึง 99.925 % ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งจุดเด่นคือในรุ่นดีลักซ์ (MA-E100R-T) และรุ่นมาตรฐาน (MA-E85R-T) สามารถให้ปริมาณลม 600 ลูกบาศก์เมตร/ชม. และ 510 ลบ.ม./ชม. นอกจากนี้ สำหรับรุ่นดีลักซ์ (MA-E100R-T) มีเซ็นเซอร์อัจฉริยะ i-see sensor ที่ช่วยส่งมอบอากาศสะอาดได้ตรงจุดและแม่นยำ และรุ่นมาตรฐาน (MA-E85 R-T) ยังมาพร้อมฟังก์ชั่น Smart Search Sensors ช่วยดักจับทิศทางที่ส่งกลิ่นและกรองฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมการไหลของอากาศทั้ง 5 ทิศทาง พร้อมระบบทำความสะอาดแผ่นกรองอัตโนมัติ
“สำหรับกลยุทธ์ด้านการสื่อสารการตลาดในปีนี้ บริษัทฯ ยังเน้นเสริมแกร่งด้านการสื่อสารออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งพัฒนาคอนเทนต์เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้และเข้าใจในลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ได้ง่าย พร้อมทั้งปรับปรุงรูปแบบการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หน้าร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจในผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านการร่วมเป็นผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอล บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (BGPU) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 นอกจากนี้ ได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด นวัตกรรมที่ทำให้สัมผัสถึงพื้นที่ปรับอากาศที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นและประหยัดพลังงาน เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่ายถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของ 3D-Move Eye Kiwami” มร. ทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผย
สู้ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและการบริการ
นอกจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
“การให้บริการ” ยังเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งและหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งแม้วันนี้ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค จะเป็นท็อปแบรนด์ที่นั่งอยู่ในใจผู้บริโภคคนไทยอยู่แล้ว แต่ทางแบรนด์เองก็ไม่หยุดยั้งกับการพัฒนาโครงสร้างต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต่อเนื่อง
ในประเด็นนี้ ประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มุ่งยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อเนื่อง โดยทางบริษัทได้พัฒนาบริการ “Express Team Service” หรือบริการซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้านด่วนภายใน 24 ชม. ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งจากกระแสตอบรับที่ดีด้านการให้บริการดังกล่าว ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตการให้บริการไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ อาทิ ตู้เย็น พัดลม และปั๊มน้ำ อีกด้วย
“นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก โดยได้พัฒนาระบบบริการหลังการขายแบบ Real Time ด้วยระบบ MKY Online Service System เชื่อมโยงศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา และศูนย์บริการแต่งตั้งทั่วประเทศ เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าทั้งกลุ่ม B2C และ B2B มากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มเครือข่ายในการสื่อสารที่ทันสมัยให้ทีมช่างเทคนิคของศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา และศูนย์บริการแต่งตั้ง สามารถติดต่อประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
นายประพนธ์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะที่ในด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรช่างเทคนิค ยังได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับวิถี New Normal ด้วยการสอนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ให้แก่บุคลากรช่างเทคนิคของศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา และศูนย์บริการแต่งตั้ง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านงานบริการให้กับลูกค้าทั่วประเทศ
แผนงานทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนเกิดขึ้นภายใต้ความกระตือรือร้นที่จะนำเสนอความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าตามแนวคิด “Changes for the Better” อย่างต่อเนื่อง อันเป็นเหตุผลหลักให้ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่อยู่ในใจผู้บริโภคคนไทยมานานกว่าครึ่งทศวรรษ