วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (7 มี.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี จากความวิตกกังวลสงครามรัสเซียและยูเครนกระทบต่ออุปทาน
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี จากความกังวลว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่ออุปทานจากรัสเซีย หลังสหรัฐฯ และพันธมิตรได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อตอบโต้และบริษัทหลายแห่งหลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันอาจตึงตัวมากขึ้น หลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่าอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการเพิ่มเติมในการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
-/+ จับตาการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งมีความก้าวหน้ามากขึ้นหลังการเจรจาระหว่างอิหร่านและสำนักงานปรมาณูสากล (IAEA) ในวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดีและคาดจะส่งผลให้ข้อตกลงนิวเคลียร์ได้ข้อสรุปในเร็วนี้ ทั้งนี้ หากสามารถตกลงกันได้จะส่งผลให้อุปทานจากอิหร่านปรับเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี ข้อตกลงอาจจะเผชิญกับความล่าช้าลง หลังรัสเซียออกมาประกาศว่าสหรัฐฯ ต้องรับรองว่ามาตรการคว่ำบาตรจะไม่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือของรัสเซียและอิหร่านในอนาคต
- สำนักงานพลังงานสากล (IEA) มีมติระบายน้ำมันกว่า 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยกว่า 30 ล้านบาร์เรลจะมาจากสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันเบนซินทั่วโลกที่อาจตึงตัวขึ้น หากมาตรการคว่ำบาตรทวีความรุนแรงมากขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดีเซลที่ตึงตัวขึ้น จากมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกของจีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน