"ครม." ถกแนวทางเร่งด่วนช่วยทัวริสต์ "รัสเซีย-ยูเครน" 7 พันคนตกค้างในไทย
“ครม.” วันนี้ (8 มี.ค.) เตรียมพิจารณามาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรัสเซีย-ยูเครนตกค้างในไทยกว่า 7 พันคน หลัง “รัสเซีย” ถูกคว่ำบาตร ทำธุรกรรมผ่านวีซ่า-มาสเตอร์การ์ดไม่ได้ หวังพึ่งยูเนียนเพย์ของจีน เอกชนท่องเที่ยวภูเก็ตวอน “ธปท.” เร่งเชื่อมระบบ “เมียร์คาร์ด”
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ภายหลังการหารือกับภาคเอกชนท่องเที่ยวเพื่อหามาตรการดูแลนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและชาวยูเครนที่ติดค้างประเทศไทยประมาณ 7,000 คน ตามการมอบหมายของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะมีการนำเสนอ 4 มาตรการเร่งด่วนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันนี้ (8 มี.ค.) ประกอบด้วย
1.ขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่อวีซ่าให้กับชาวรัสเซียและยูเครน ซึ่งปกติชาวรัสเซียเข้าไทยจะไม่ต้องชำระค่าวีซ่า โดยอยู่ได้ 30 วัน หากอยู่นานกว่านั้นต้องจ่ายค่าต่อวีซ่าคนละ 1,900 บาท ส่วนชาวยูเครนเข้าไทยสามารถทำวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA ON ARRIVAL : VOA) 2,000 บาท และกรณีต่อวีซ่าต้องจ่ายเพิ่ม 1,900 บาท
2.หาที่พักชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยวที่ตกค้างในระหว่างรอเครื่องบินจากรัสเซียส่งมารับ โดยบางคนไม่สามารถดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 2 เมืองท่องเที่ยวหลักช่วยดำเนินการ ได้แก่ ภูเก็ต และพัทยา
3.หาช่องทางให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียสามารถจ่ายค่าที่พักและอาหารให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ ภายหลังจากที่มีปัญหาไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดได้ โดยให้ปรับมาใช้ยูเนียน เพย์ของจีนแทน ซึ่งจะต้องประสานให้ยูเนียนเพย์มาติดตั้งเครื่องอีดีซี ซึ่งเป็นอุปกรณ์รับชำระเงินให้กับโรงแรมต่างๆ
และ 4.การแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ติดเชื้อชาวรัสเซียและยูเครน เนื่องจากโรงพยาบาลเริ่มไม่แน่ใจว่า ประกันสุขภาพที่นักท่องเที่ยวจากทั้งสองชาติได้ซื้อมายังรับประกันอยู่หรือไม่ ทำให้โรงพยาบาลเรียกเก็บเงินมัดจำ จึงจะเสนอให้ ครม.หาทางช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม เพราะบางคนไม่สามารถจ่ายเงินได้
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวเสริมว่า เฉพาะในจังหวัดภูเก็ตปัจจุบันพบนักท่องเที่ยวรัสเซียตกค้างประมาณ 3,500-4,000 คน หลังจากสายการบินแห่งชาติรัสเซีย Aeroflot หยุดบินทุกเส้นทางรวมไทย (ยกเว้นเส้นทางสู่เบลารุส) มีผลตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.เป็นต้นไป รวมถึงสายการบินอื่นๆ เช่น S7 หยุดบินตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนนักท่องเที่ยวยูเครนตกค้างประมาณ 300-400 คน
“ที่ประชุม ครม. วันที่ 8 มี.ค. หน่วยงานต่างๆ จะหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาทั้งหมด เช่น การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และเที่ยวบินพิเศษรองรับชาวรัสเซียเดินทางกลับ ซึ่งไม่ใช่การผลักดันให้กลับประเทศ แต่เป็นการอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางกลับ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเมืองที่ปลอดภัย รวมถึงเรื่องการแก้ปัญหาด้านการประกันภัยที่นักท่องเที่ยวได้ทำไว้ด้วย”
ล่าสุดได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบ MIR Card (เมียร์คาร์ด) ซึ่งเป็นระบบชำระเงินของรัสเซียที่ตั้งขึ้นมา รวมถึงแนวทางการนำสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) ที่นักท่องเที่ยวถืออยู่มาใช้ชำระค่าบริการต่างๆ ในประเทศไทยแทนไปก่อนเป็นการฉุกเฉินเฉพาะช่วงที่เกิดวิกฤติครั้งนี้ได้หรือไม่ ถือเป็นแผนสำรองเอาไว้หากการจ่ายเงินไม่สามารถทำได้ และจะหาวิธีดำเนินการต่อไป
“ขณะนี้ได้ขอความร่วมมือให้กับทางโรงแรมต่างๆ ดูแลลูกค้าทั้ง 2 ประเทศที่ยังอยู่ในประเทศไทย โดยที่ประเทศไทยเองไม่ได้เข้าร่วมเป็นผู้ขัดแย้งในวิกฤติครั้งนี้ แต่จะคอยดูแลนักท่องเที่ยวแบบไม่แบ่งประเทศ พร้อมกับประสานหน่วยงานต่างๆ คอยดูแลด้วย โดยเฉพาะชาวยูเครนที่ตอนนี้ยังเดินทางกลับประเทศไม่ได้”