10 อันดับ "กองทุนทองคำ" ผลตอบแทนสูงสุด

10 อันดับ "กองทุนทองคำ" ผลตอบแทนสูงสุด

มอร์นิ่งสตาร์ เผย "กองทุนทองคำ" ผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 9.8% และในรอบ 5 ปี เฉลี่ยที่ 7.3% นำโดยกองทุน .....

สมาคมค้าทองคำ รายงานคาดการณ์ราคาทองคำในเดือน มีนาคม 2565 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้

Gold Spot ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 1,870 – 2,033 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

ราคาทองคำแท่ง ในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 28,800 – 31,200 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ

(ค่าเงินบาท ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 32.16 – 33.45 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ) 

10 อันดับ \"กองทุนทองคำ\" ผลตอบแทนสูงสุด

ทางด้าน บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช(ประเทศไทย) รายงานว่า "กองทุนทองคำ" มีผลตอบแทนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 9.8% ( ณ  7 มีนาคม 2565 ) โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมากองทุนทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7.3% ต่อปี

ขณะที่ปัจจุบัน "กองทุนทองคำ"  ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 10 อันดับแรก  (ณ 11 มี.ค. 2565)  ดังนี้ 

1 กองทุนเปิดเค โกลด์-A ชนิดสะสมมูลค่า K-GOLD-A(A) ผลตอบแทน 10.76%

2.กองทุนเปิดเค โกลด์-A ชนิดจ่ายเงินปันผล K-GOLD-A(D) ผลตอบแทน 10.72%

3.กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ TGOLDRMF ผลตอบแทน 10.72%

4.กองทุนเปิดเค โกลด์เพื่อการเลี้ยงชีพ  KGDRMF ผลตอบแทน 10.68%

5.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)  SCBGOLDHE ผลตอบแทน 10.62%

6.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม/บุคคล) SCBGOLDHP ผลตอบแทน 10.53%

7. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ SCBGOLDH ผลตอบแทน 10.52%

8.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์ THB เฮดจ์ (ชนิดเพื่อการออม) SCBGOLDH-SSF ผลตอบแทน 10.52%

9.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์  (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) SCBGOLDE ผลตอบแทน 10.46%

10.กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลด์ อินคัม  ชนิดผู้ลงทุนพิเศษ PRINCIPAL iGOLD-X ผลตอบแทน10.46%

 

มอร์นิ่งสตาร์ ย้ำปรับสัดส่วนพอร์ตอย่างเหมาะสม 

"ชญานี จึงมานนท์" นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช(ประเทศไทย)  กล่าวว่า ปีราคาทองคำที่สูงขึ้นในปีนี้มีสาเหตุจากความกังวลภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทั้งยังมีประเด็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นตัวเร่งให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

หากประเด็นระหว่างรัสเซียและยูเครนยังยืดเยื้อและนำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นต่อสินค้าส่งออกของรัสเซีย ย่อมส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในระยะถัดไป

หากสถานการณ์ยังไม่มีสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้นอาจทำให้ราคาทองคำยังยืนอยู่ในระดับสูงต่อไปในช่วงนี้ แนะนำว่า ผู้ลงทุนที่มีการลงทุนทองคำอยู่อาจมีสัดส่วนในพอร์ตสูงขึ้นจากผลกำไร อาจพิจารณาปรับพอร์ตตามความเหมาะสม

 

"ผู้ค้าทองรายใหญ่" แนะถือ-แบ่งขายทำกำไรบางส่วน

ทางด้าน "ผู้ค้าทองรายใหญ่"  สมาคมค้าทองคำ  ให้ความเก็นต่อการลงทุนทองคำในเดือน มี.ค. 2565  ว่านักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่นานาประเทศคว่ำบาตรรัสเซียอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้ทัน

ทั้งนี้ หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียด แนะนำให้นักลงทุนถือครองต่อไป และอาจแบ่งขายทำกำไรบางส่วน รวมถึงให้ติดตามการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ระหว่างวันที่ 15 -16 มีนาคม 2565 อีกด้วย

 

YLG คาดราคาทองคำปีนี้ยังมีแนวโน้มสดใส

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ในปีนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุด  ทองโลกสามารถขึ้นไปใกล้กับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

 ขณะที่ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์  โดยขายออกที่ราคา 32,100 บาทต่อบาททองคำ และซื้อเข้าที่ราคา 32,000 บาทต่อบาททองคำ ก่อนที่จะย่อตัวลงมา

แต่มองว่าปีนี้ราคาทองคำก็จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยสนันสนุนหลักๆ  อาทิ  สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน ที่สร้างความกังวลว่าจะยืดเยื้อและกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่จะกระทบราคาสินค้าประเภทอื่นๆ และส่งผลต่อเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นมากกว่าเดิม  

ดังนั้น  แรงขายทำกำไรสลับออกมาจนราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เทขายออกคำออกไปแล้วได้กลับเข้ามาสะสมซื้อทองคำอีกครั้ง  


สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ผู้ที่มีทองคำในพอร์ตเป็นจำนวนมากแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรบางส่วนและถือต่อบางส่วน รวมถึงผู้ที่ลงทุนในตลาดล่วงหน้าหากถือสถานะเป็นจำนวนมาก  แนะนำให้ลดสถานะการถือครองทองคำบางส่วน ด้วยการขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน  2,020-2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  แต่หากผ่านแนวต้าน 2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้  แนะนำถือสถานะที่เหลือต่อเพื่อรอไปขายที่แนวต้านถัดไปโซน  2,070-2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้วรอการอ่อนตัวลงของราคาจึงกลับเข้าซื้อบริเวณแนวรับด้านล่าง  

ส่วนผู้ที่ไม่มีทองคำอยู่ในพอร์ตนั้นแนะนำรอการอ่อนตัวลงเพื่อเป็นโอกาสทยอยซื้อ  โดยต้องระมัดระวังการไล่ซื้อ ซึ่งประเมินว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำยังคงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเช่นเดิม  แต่แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเข้าซื้อ  โดยไม่เข้าซื้อที่แนวรับใดแนวรับหนึ่งเต็ม 100% ของพอร์ต  แนะนำเข้าซื้อแนวรับแรก  หากราคาทองคำหากสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,970-1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แต่หากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  ควรชะลอการเข้าซื้อออกไปยังแนวรับถัดไปที่ 1,900-1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  

ขณะที่การหลุด1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์  จะทำให้ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นเป็นลบมากยิ่งขึ้น  จึงอาจชะลอการเข้าซื้ออกไปเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคาอีกครั้ง 
 

 

บลจ.ยูโอบี  ชี้ "กองทุนทอง" ยังถือได้ 

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ. ยูโอบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่ปัจจุบันราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาทะลุ 2,000ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากเดิมที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนนซ์ ถือว่า ราคาทองปรับตัวขึ้นสูงมากแล้ว และอัพไซด์ค่อนข้างจำกัด ยกเว้นสงครามจะรุนแรงขึ้นกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีท่าทีการเจรจากันแม้สถานการณ์จะยืดเยื้อก็ตาม

อย่างไรก็ตามเราได้ประมาณการความผันผวนของกองทุนทองคำเฉลี่ยในปีนี้ราว 10-15% ถือว่า ยังไม่ผันผวนสูงมาก แต่ก็ไม่ควรไล่ซื้อราคาทองขาขึ้น รอจังหวะย่อ "ทยอยสะสม" ได้ 

 

“กองทุนทองคำ" จัดพอร์ตไม่เกิน10% 

"ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน " ยัง "ถือได้" และ "ทยอยสะสม" เมื่อราคาย่อลง ด้วยราคาปัจจุบัน แต่คุมสัดกส่วนการลงทุน ไม่ควรเกิน 10%ของพอร์ตลงทุน

"ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน"  ยัง "ถือได้" และ "ปรับพอร์ต" ขายทำกำไรในจุดที่เหมาะสม และเมื่อราคาย่อตัวกลับเข้าสะสมระยะยาว คุมสัดส่วนลงทุนไม่เกิน 10% เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนขาขึ้นต่อ