เงินเฟ้อสหรัฐสูงสุดรอบ 40 ปี (11 มี.ค. 65)

เงินเฟ้อสหรัฐสูงสุดรอบ 40 ปี (11 มี.ค. 65)

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีฟื้นตัวในภาคเช้าประมาณ +10 จุด แต่อ่อนแรงลงในภาคบ่าย ปิดตลาดเหลือเพียง +3 จุด มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เช่นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า มีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร

โดยภาพรวมตลาดยังกังวลสถานการณ์ในยูเครน เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในการเจรจาส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,647.08 จุด +3.44 จุด +0.21% มูลค่าการซื้อขาย 100,157 ลบ. ต่างชาติ +624.53 ลบ. TFEX +30,861 สัญญา ตราสารหนี้ -3,940.30 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม และส่งสัญญาณยุติการซื้อพันธบัตรใน 3Q65 ซึ่งเร็วกว่าคาดปูทางขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนก.พ. สูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
+รมว.คมนาคมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2565 ให้ได้ตามเป้าหมายของรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ
+/-ศบค.รายงานจ้านวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ป่วยใหม่ 24,792 ราย ATK 49,494 ราย เสียชีวิต 63 คน

 

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 112.18 จุด -0.34% กังวลเงินเฟ้อในเดือนก.พ. พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปีและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และการเจรจารัสเซีย-ยูเครนล้มเหลว ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
-สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2.68 ดอลลาร์ -2.5% ปิดที่ 106.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังจากรัสเซียให้คำมั่นว่าจะยังคงจัดส่งน้ำมันตามที่ตกลงไว้ และการส่งสัญญาณที่สับสนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ (UAE) ยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายผันผวน
- รัฐบาลยูเครนจะจัดตั้งคลังสำรองอาหาร เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและกองทัพในช่วงที่ต้องเผชิญกับการรุกรานของรัสเซีย
-สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มาตรวัดเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 7.9%YoY ในเดือนก.พ. สูงสุดในรอบ 40 ปีและสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.8% ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.8%MoM สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 0.7%MoM
 

 

-สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 11,000 ต้าแหน่ง สู่ระดับ 227,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 217,000 ราย ยังคงสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 - ส.อ.ท. รายงานผลส้ารวจความเห็นจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรมต่อปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียพบว่า ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางอ้อมที่ราคาน้้ามัน ค่าระวางเรือ และวัตถุดิบต่างๆ ที่สูงขึ้น ท้าให้ต้นทุนการผลิตรวมเพิ่มขึ้น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้อ่อนตัวจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี และตลาดกลับมากังวลสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนหลังการเจรจาไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม เฟดซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,630-1,655 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้น Value Play : KBANK BBL SCB EA GULF ADVANC TRUE DTAC
• มาตรการอุดหนุน EV : EA NEX BYD GPSC NDR
• กรณีสงครามยืดเยื้อ ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง บวกต่อ PTTEP PTTGC TOP , สินค้าเกษตร ข้าวสาลี และกากถั่วเหลืองขึ้น เป็นบวกต่อ TMILL TVO และเป็นลบต่อธุรกิจอาหารสัตว์ท้าให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น CPF GFPT ASIAN

 

หุ้นรายงานพิเศษ

                                BIZ ถือ ราคาเหมาะสม 9.47 บาท

•ปรับเพิ่มประมาณการปี 65 จาก Backlog ที่ทรงตัวในระดับสูงและอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีก 1.5 พันลบ. เราปรับประมาณการรายได้และกำไรปี 65 เพิ่มขึ้นจาก 1.13 พันลบ. และ 117 ลบ. สู่ 1.88 พันลบ. และ 212 ลบ. เพิ่มขึ้น 66% และ 81%จากประมาณการเดิม เนื่องจากมี Backlog ณ 1 มีนาคม 65 อยู่ที่ 1.16 พันลบ. และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อีกราว 1.5 พันลบ. นอกจากนี้คาดธุรกิจโรงพยาบาลเริ่มสร้างกำไรในปี 65 หลังรายได้ปรับตัวขึ้นและขาดทุนลดลง โดยรายได้ปี 64 อยู่ที่ที่ 75 ลบ. เติบโต 142%YoY โดยปี 64 มีผลขาดทุนลดลงเหลือ 5.2 ลบ. ลดลงจากปี 63 ที่มีผลขาดทุน 42 ลบ. นอกจากนี้มีการออกใบสาคัญแสดงสิทธิ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเงินราว 280 ลบ. ภายในต้น 4Q65 ซึ่งบริษัทจะนำเงินดังกล่าวไปชำระคืนเงินกู้ของโรงพยาบาล CAH ซึ่งมีอยู่ราว 240 ลบ. และเงินทุนที่เหลือจะใช้ในการขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการแพทย์ ส่งผลให้ผลประกอบการโรงพยาบาล CAH จะเริ่มกลับมาเป็นบวกในปี 65

•คาดย้ายเข้า SET ภายในปี 65 บริษัทประกาศจ่ายปันผลเป็นหุ้น (2 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่) เพื่อให้ทุนจดทะเบียนและจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 200 ลบ. และ 400 ล้านหุ้นสู่ 300 ลบ. และ 600 ล้านหุ้นตามลำดับ (XD ในวันที่ 21 เม.ย. 65) ส่งผลให้บริษัทผ่านเกณฑ์เข้าจดทะเบียนใน SET ทั้ง 4 ข้อ 1) ทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 300 ลบ. 2) พาร์มากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 บาทต่อหุ้น 3) กำไรรวม 4 ไตรมาสล่าสุดมากกว่า 50 ลบ. และ 4) จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 1,000 ราย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะยื่นคุณสมบัติเพื่อให้ SET พิจารณาภายใน 2Q65 และคาดว่าจะย้ายจากตลาด MAI สู่ SET ภายในปี 3Q65

•ความเห็น แม้ว่าจะปรับเพิ่มประมาณการแต่คาดกำไรปี 65 จะปรับตัวลงจากปี 64 ราว 50% เนื่องจากไม่มีการส่งมอบเครื่องฉายรังสีขนาดใหญ่เหมือนปี 64 อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอราว 3.5-4.0% ทำให้เราแนะนำ “ถือ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) กลุ่มรับเหมาฯ CK-STEC-ITD-NWR-UNIQ รฟม.เซ็นสัญญาสายสีม่วงใต้ วงเงินรวมประมาณ 8.2 หมื่นล้านบาท วันนี้ (11 มี.ค.65) โบรกมองบวกต่อกลุ่มผู้ชนะประมูล CK, STEC, ITD, NWR, UNIQ ส่วนกลุ่มเสาเข็มเตรียมรับทรัพย์ต่อ คาดชัดเจนปลายปีนี้-ต้นปี 2566 ขณะที่ประเมินผลงานปี 2565 ของกลุ่มรับเหมารายใหญ่จะฟื้นตัวสูงตาม Backlog ที่กลับสู่ขาขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MAJOR (Bloomberg Consensus 25.50 บาท) ส่องเกม MAJOR ทุ่ม 500 กว่าล้านบาท เข้าซื้อหุ้น TKN กว่า 5% ราคาเฉลี่ย 7.80 บาท วางแผนใช้ช่องทางจำหน่ายที่แข็งแกร่งของ TKN ดันป็อบคอร์นเติบโตสยายปีกต่างประเทศ ส่วนผลงานปีนี้เติบโตต่อเนื่อง หนังใน-นอก ต่อคิวเข้าฉายเพียบ ด้าน "บิ๊ก TKN" ยิ้ม ประกาศพร้อมร่วมต่อยอด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ICHI (Bloomberg Consensus 14.40 บาท) ตั้งเป้ายอดขายรวมปี 2565 ที่ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เน้นเติบโตจากในประเทศเป็นหลัก ควบคู่กลับเข้าไปทำตลาดในประเทศลาว และกัมพูชา เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 3-4 รายการ ช่วงครึ่งปีหลัง ด้านเครื่องดื่มผสม CBD รอ อย. สรุปส่วนผสมที่ชัดเจน ส่วนธุรกิจในอินโดนีเซียตั้งเป้ายอดขาย 6.6 ล้านลัง หลังได้พันธมิตรรายใหม่ เล็งเป็นฐานส่งออกไปสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเกาหลี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PROEN (Bloomberg Consensus - บาท) แย้มแผนศึกษาขุดบิทคอยน์ พร้อมปล่อยเช่าเครื่อง คาดชัดเจนไตรมาส 3/2565 ด้านบอสใหญ่ "กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม" ใส่เกียร์เทกโอเวอร์ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ รองรับการขยายตัว ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 ไม่น้อยกว่า 20% กอดแบ็กล็อกเต็มมือ 805 ล้านบาท จ่อบุ๊กปีนี้ทั้งหมด (ที่มา ทันหุ้น)