‘รับสร้างบ้าน’จ่อปรับราคา5-8%อ่วม'ต้นทุนพุ่ง-แรงงานขาด'

‘รับสร้างบ้าน’จ่อปรับราคา5-8%อ่วม'ต้นทุนพุ่ง-แรงงานขาด'

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ชี้ธุรกิจปี 65 “ทรงตัว” หลังเผชิญปัจจัยลบกดดันรอบด้าน สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนทุบมู้ด ดันราคาน้ำมันพุ่ง ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับยกแผง 50% เล็งขยับราคาบ้าน 5-8% ต้น เม.ย. พร้อมวอนรัฐหนุนจัดหาแรงงานข้ามชาติเพิ่ม

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจรับสร้างบ้านปี 2565 “ทรงตัว” เทียบปีที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างคลี่คลาย เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นคาดการณ์ขยายตัว 2.5-4%  แต่ขณะนี้พบว่ามีปัจจัยลบที่เข้ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจรอบด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลต่อราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทบโดยตรงต่อต้นทุนค่าขนส่งและวัสดุก่อสร้าง 

“เหล็กซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนหลักราคาปรับขึ้นกว่า 50% ส่งผลต่อต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2564 และจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นหากสงครามไม่ยุติโดยเร็ว เป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับธุรกิจก่อสร้าง นอกเหนือจากกระทบการส่งออก”

ปัจจัยดังกล่าวต้นทำให้ราคาบ้านมีแนวโน้มปรับราคา 5-8% ในต้นเดือน เม.ย. หลังจากตรึงราคามาตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าโดยภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านเผชิญปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก ดังนั้นผู้ที่มีความต้องการสร้างบ้านต้องรีบตัดสินใจสร้างบ้านก่อนที่ราคาวัสดุและค่าก่อสร้างจะปรับขึ้นมากไปกว่านี้
 

 เกาะติดปัญหาแรงงาน

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องเกาะติดสถานการณ์แรงงานอย่างใกล้ชิด  ซึ่งปัจจุบันปัญหาขาดแคลนแรงงานแรงงานเริ่มฉายภาพชัดเจนขึ้น โดยรัฐบาลต้องพิจารณานำเข้าแรงงานต่างชาติรองรับความต้องการแรงงานที่มีมากขึ้น

นอกจากนี้ ปัญหาการปรับเพิ่มค่าแรงจะมีผลต่อราคาบ้านในอนาคตเช่นกัน อย่างไรก็ตามในส่วนของสมาคมฯ ประเมินว่า การขึ้นค่าแรงหากไม่เกิน 10-15% จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อต้นทุนการสร้างบ้าน แต่หากปรับค่าแรงขึ้นถึง 30-40% จะส่งผลค่อนข้างมาก ซึ่งได้มีการเตรียมแผนรับมือไว้ในหลายส่วนด้วยกัน

โดยเริ่มจากการนำเสนอสิ่งที่เป็นผลกระทบต่อผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ในที่ประชุมกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินสถานการณ์ และเพื่อให้มองภาพรวมของตลาดชัดเจนขึ้นในทิศทางเดียวกัน
 

สร้างฐานข้อมูลปลุกตลาด2แสนล้าน

สมาคมฯ มุ่งรวบรวมข้อมูลการตลาด ร่วมกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  ซึ่งจะทำให้ภาครัฐเห็นภาพตลาดบ้านสร้างเองที่มีมูลค่ารวมทั้งประเทศปีละกว่า 2 แสนล้านบาทชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสัดส่วน 20-25% ของตลาดอสังหาริมทรัพย์

“หากมีการกระตุ้นจากมาตรการของภาครัฐจะทำให้มีการหมุนของตลาดมูลค่า 2 แสนล้านบาท เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระบบของประเทศ ที่รัฐบาลจะให้ความสำคัญมากขึ้น”

ทั้งนี้  ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2564 เศรษฐกิจขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่ติดลบ 6.1%  คาดว่ากำลังซื้อจะกลับมาชัดเจนในช่วงต้นปี 2565  โดยตลาดรับสร้างบ้านปี 2565 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลฯ คาดมีมูลค่า 11,500 ล้านบาท เทียบเท่าปี 2564

โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดหลักสร้างบ้านในปีนี้จะยังคงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงระดับราคา10 ล้านบาทขึ้นไปเป็นหลัก ที่ต้องการมีบ้าน ประกอบกับดอกเบี้ยเงินฝากที่ต่ำ จะเป็นแรงจูงใจทำให้คนนำเงินมาสร้างบ้านมากขึ้น

ต่างจังหวัดแนวโน้มดีมานด์เพิ่ม

นายวรวุฒิ กล่าวว่า แนวโน้มการสร้างบ้านในต่างจังหวัดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลุุ่มคนที่เคยทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ กลับไปอยู่ต่างหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะแถบภาคอีสาน ทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเติบโตในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยระดับราคาที่นิยมสร้างบ้านส่วนใหญ่อยู่ที่ 2-3 ล้านบาท 

สำหรับตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลส่วนใหญ่จะเป็นระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นการสร้างเพื่อรองรับการขยายครอบครัว ส่วนบ้านหลังเล็กมีแนวโน้ม "ลดลง" ทั้งนี้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้คนที่มีเงินจะมีความพร้อมในการสร้างบ้านมากกว่า

ปัจจุบันกลุ่มคนที่สร้างบ้านจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีรายได้ที่พร้อมสร้างบ้านมากขึ้น ฉะนั้นแนวทางการสร้างบ้านต้องปรับเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ และความต้องการของคนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี การประหยัดพลังงาน รวมถึงการพัฒนาฟังก์ชั่นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งการดีไซน์ดูทันสมัยตามเทรนด์คนรุ่นใหม่ แต่บ้านสไตล์หรูบ่งบอกความมีฐานะยังคงได้รับความนิยมอยู่เพียแต่ดูทันสมัยขึ้นเข้ากับยุคสมัย

ล่าสุด สมาคมฯ เตรียมกระตุ้นกำลังซื้อผ่าน “งานรับสร้างบ้านและวัสดุ FOCUS 2022” ครั้งที่ 18  รวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านกว่า 30 บริษัท นำเสนอบริการแบบครบวงจร ทั้งแบบบ้านใหม่กว่า 1,000 แบบ ราคา 1-100 ล้านบาท นวัตกรรมการสร้างบ้าน รวมทั้งสินเชื่อจากธนาคาร ระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-3 เม.ย.2565 ที่ อิมแพค เมืองทองธานี คาดว่า ในปีนี้ยอดจองบ้านภายในงานจะใกล้เคียงปีที่ผ่านมา สร้างเม็ดเงินสะพัดประมาณ 2,100 ล้านบาท