สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบส่งออกผัก-ผลไม้-ดอกไม้สดของไทย
ทูตพาณิชย์ไทยในรัสเซีย เผย ส่งออกผัก-ผลไม้-ดอกไม้สดของไทยได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียยูเครนแล้ว หลังสายการบินรัสเซีย ที่บินตรงรัสเซีย-ไทย หยุดทำการบินจากมาตรการคว่ำบาตร พร้อมแนะผู้ส่งออกไทย ชะลอรับคำสั่งซื้อจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
นายกิตตินันท์ ยิ่งเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า ขณะนี้ การส่งออกผัก-ผลไม้สด และดอกไม้สดของไทยไปรัสเซียได้รับผลกระทบแล้ว จากการที่ eroflot สายการบินพาณิชย์แห่งชาติของรัสเซีย ได้ประกาศหยุดให้บริการการบินระหว่างประเทศ (ยกเว้นประเทศเบลารุส) ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.65 เช่นเดียวกับสายการบินอื่นๆ ของรัสเซีย ได้แก่ S7 Airlines และ Ural Airlines รวมถึงสาย การบินที่ให้บริการสำหรับขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ (Freighter) ก็ต้องหยุดให้บริการด้วยเช่นกัน
สาเหตุที่สายการบินต่างๆ ของรัสเซียหยุดทำการบิน มาจากประเทศตะวันตกและพันธมิตร ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ส่วผลให้บริษัทให้เช่าซื้อเครื่องบินในยุโรปตะวันตกขอยกเลิกสัญญาเช่า แก่สายการบินในรัสเซีย (เครื่องบินส่วนใหญ่เป็นการเช่า ซื้อจากบริษัทเอกชนในยุโรปตะวันตก) ควบคู่ไปกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Boeing และ Airbus ได้ยุติการให้บริการทางเทคนิคและการจัดส่งชิ้นส่วนหรืออะไหล่ให้กับสายการบินของรัสเซีย จึงทำให้สายการบินของรัสเซียต้องหยุดดำเนินธุรกิจไปโดยปริยาย เพราะขาดแคลนอะไหล่
“การเปลี่ยนแปลงนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับการส่งออกผักสด/ผลไม้สด/ดอกไม้สดของไทย เพราะสินค้าเหล่านี้เน่าเสียง่ายต้องพึ่งพาเที่ยวบินตรงระหว่างรัสเซีย - ไทย เพื่อใช้เวลาในการขนส่งให้สั้นที่สุด อีกทั้งรัสเซีย – ประเทศตะวันตกและพันธมิตร ยังปิดน่านฟ้าระหว่างกัน จึงเหลือช่องว่างให้กับสายการบินของบางประเทศเท่านั้นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง คือ สายการบินในตะวันออกกลาง ได้แก่ Emirates – Qatar – Ethihad ที่ยังดำเนินธุรกิจการบินได้ตามปกติ แต่มีข้อเสียที่จะต้องมีการต่อเครื่องที่เมืองท่าของประเทศเจ้าของสายการบิน ทำให้มีใช้เวลาขนส่งที่ยาวนานขึ้น และอุณหภูมิที่สูงของประเทศในแถบตะวันออกกลางที่ไม่เหมาะกับสินค้าเน่าเสียง่าย”
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้นำเข้าผัก/ผลไม้สดของไทยในรัสเซีย ทราบว่า ขณะนี้จำเป็นต้องหยุดการนำเข้าชั่วคราว เนื่องจากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบจำนวนมาก โดยเฉพาะค่าเงิน รูเบิลได้อ่อนค่าลงเกือบ 50% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึง 10% อีกทั้งการเข้าถึงและกา โอนเงินสกุลหลักก็เป็นไปได้ยาก เพราะผลจากมาตรการคว่ำบาตร แต่ผู้นำเข้าบางรายจะพยายามทดลองใช้บริการของสายการบินในตะวันออกกลาง แม้จะต้องจ่ายค่าระวางสินค้าเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงที่สินค้าจะเน่าเสีย และเสียหายถึง 10 – 15% ก็ตาม
ทั้งนี้ จากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ในปี 64 รัสเซียนำเข้าผลไม้สดจากไทยเป็นมูลค่า 5.9 ล้านดอลาร์ หรือประมาณ 192 ล้านบาท และผักสดหรือแช่เย็นอีก 2.83 ล้านดอลลาร์ หรือ 92 ล้านบาท ในสภาวะที่ปัจจัยในการทำการค้ากับรัสเซียยังผันผวน และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สคต.มอสโก พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยง ขอแนะนำให้ผู้ส่งออกผัก/ผลไม้ สดของไทย ชะลอการรับคำสั่งซื้อในช่วงนี้ออกไปก่อนสักระยะหนึ่ง จนกว่าสถานการณ์การขนส่งจะมีความชัดเจน โดยเฉพาะการกลับมาเปิดให้บริการการบินเส้นทางตรงระหว่างไทย – รัสเซียอีกครั้ง