BAY ชู 'สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง' ดันยอดปล่อยกู้ปีนี้โต5%

BAY ชู 'สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง' ดันยอดปล่อยกู้ปีนี้โต5%

กรุงศรีส่องปี 65 สินเชื่อบ้านผงาด คาดยอดปล่อยกู้พลิกบวกเกิน 5% มากกว่าระบบ ที่เติบโตเพียง 2-5% หลังปัดฝุ่น แคมเปญ สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง หนุนนำเงินฝากลดดอกเบี้ยบ้าน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย หวังกลุ่มท่องเที่ยวบริการกลับมาขอกู้บ้านเพิ่มปีนี้ หลังธุรกิจกลับมาฟื้น

      นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานสินเชื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่าภาพรวมสินเชื่อบ้านทั้งระบบปีนี้ คาดว่า น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง

       โดยคาดสินเชื่อปล่อยใหม่ของทั้งระบบกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ ราว 2-5% หรือมีโอกาสแตะ 6.2-6.4 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ทรงตัว หรือมีสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 6.1 แสนล้านบาท

       เช่นเดียวกับ ธนาคารกรุงศรีฯ ที่คาดว่า สินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ของธนาคาร น่าจะกลับมาพลิกบวกได้มากกว่าระบบ หรือเกิน 5% แน่นอนในปีนี้ ปัจจัยบวกหลักๆมาจากการผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และรวมถึงมาตรการลดค่าโอนและค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ที่ช่วยกระตุ้นคนที่มีกำลังซื้อและความต้องการขอสินเชื่อบ้าน และตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้น

      อีกทั้ง ส่วนสำคัญที่ทำให้การขอสินเชื่อบ้านของกรุงศรีเติบโตขึ้น เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจาก การที่กรุงศรีฯมีโปรดักท์ทางการเงิน ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ผ่าน “สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง” เพื่อทำให้ผู้ซื้อบ้านมีภาระดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านลดลง หากเทียบกับแบงก์อื่นๆไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์หลังจาก 3ปี หากเปิดบัญชีเงินฝากคู่กับบัญชีซุปเปอร์เซฟวิ่ง ภาระดอกเบี้ยบ้านจะลดลงทันที

        เช่น หากวงเงินต้นบ้าน 1ล้านบาท แต่มีเงินฝากในบัญชี 1แสนบาท เงินต้นลูกค้าจะลดลงทันที10% หรือ 1แสนบาท เหลือ 9แสนบาท

        โดยมีกำหนดลิมิตของการฝากเงิน เพื่อใช้ลดภาระเงินกู้บ้าน ไม่เกิน 40% ของวงเงินกู้ เช่น บ้าน 1ล้านบาท ลดภาระสินเชื่อบ้านได้ 4 แสนบาท 

        อีกทั้งบัญชีเงินฝากดังกล่าวยังสามารถถอนเงินได้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวกับผู้ซื้อบ้าน ไม่จำเป็นต้องมาฝากเงินก้อนไว้ในระบบตลอดเวลา

     ดังนั้นมองว่าโปรดักท์ซุปเปอร์เซฟวิ่งโฮมโลน จะมีส่วนช่วยได้มาก ในการหนุนยอดการปล่อยสินเชื่อปีนี้ให้เติบโตได้ 

      โดยปีนี้กรุงศรีฯได้เพิ่มวงเงินในการทำโปรโมชั่นดังกล่าวเพิ่มขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการโปรดักท์นี้เพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมา ที่เคยเปิดโปรดักท์ไปแล้วและได้รับผลตอบรับดีเกินคาด โดยการเล่นโปรดักท์ดังกล่าว

      หลักๆเพราะธนาคารต้องการเจาะฐานลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องการให้ลูกค้าใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลักในการทำธุรกรรมการเงิน

      “ปัจจัยที่ทำให้เรามองว่า สินเชื่อปล่อยใหม่เราจะโตกว่าตลาด เพราะเรามีการพัฒนาระบบการดูแลลูกค้า และมีการเชื่อมกับระบบกับดีเวลลอปเปอร์ และที่สำคัญมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ผ่านซุปเปอร์เซฟวิ่ง เพื่อช่วยลดดอกเบี้ยลูกค้า ซึ่งดีกว่าดอกเบี้ยต่ำที่ล็อคอยู่ในตลาด ไม่จำเป็นต้องรีไฟแนนซ์เมื่อครบ 3ปี เพราะการเอาเงินฝาก มาช่วยลดภาระเงินกู้มากกว่า ดอกเบี้ยต่ำที่มีอยู่ในตลาด ฝากเมื่อไหร่ดอกเบี้ยลดลงเมื่อนั้น และถอนได้คล่องตัว ไม่ต้องฝากไว้ตลอดเวลา" 

        อีกทั้ง มองว่า ดีมานด์การขอสินเชื่อบ้านปีนี้ที่กลับมาฟื้นตัวได้ ส่วนหนึ่งจะมาจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว กลุ่มนี้อาจหนุนให้การเติบโตของสินเชื่อใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นได้ราว 8 พันล้านบาท ถึง 2.8 หมื่นล้านบาทได้

       โดยคาดว่าจะเห็นดีมานด์กลุ่มนี้กลับมาฟื้นตัวชัดเจนได้ตั้งแต่ไตรมาส2เป็นต้นไป