‘กบเนื้อ’ ราคาพุ่ง 120 บาท/กก. เลี้ยงง่าย โตเร็ว
สำนักงานประมงจังหวัดกาฬสินธุ์ ลุยโครงการ กบร้องก้องกาฬสินธุ์ เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงกบเนื้อสร้างรายได้ช่วงหน้าแล้ง มีความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน
ที่หอประชุมอำเภอสหัสขันธ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ ร่วมมอบพันธุ์กบเนื้อและหัวอาหารสำหรับกบ ให้กับเกษตรกร โดยนายวุฒิชัย วังคะฮาต ประมงจังหวัดกาฬสินธุ์ มอบหมายให้นางสาวกฤษณา เขามีทอง ประมงอำเภอสหัสขันธ์ เป็นผู้แทนในการส่งมอบพันธุ์กบให้กับเกษตรกร 100 ราย จำนวนพันธุ์กบ 10,000 ตัว พร้อมหัวอาหารสำหรับกบ 100 กระสอบ โดยมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจาก 8 ตำบล เดินทางมารับกบภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 อย่างเคร่งครัด
นายวุฒิชัย วังคะฮาต ประมงจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ภายใต้นโยบายการสร้างความมั่นคงทางอาหารและเสริมสร้างอาชีพให้กับประชาชน ในช่วงเข้าสู่หน้าแล้งประชาชนในหลายพื้นที่จำเป็นต้องหยุดหรืองดการทำเกษตรทุกประเภทด้วยอากาศร้อนอบอ้าว น้ำน้อย โดยทางสำนักงานประมงจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ลงสำรวจพื้นที่และเร่งสำรวจความต้องการของประชาชนเพื่อหาชีพสร้างรายได้ และเป็นแหล่งอาหารในครัวเรือนที่จะตอบโจทย์กับพื้นที่มากที่สุด จนสรุปออกมาคือการเลี้ยงกบพันธุ์เนื้อ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงครึ่งบกครึ่งน้ำใช้น้ำน้อย ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงเรือน เลี้ยงง่ายโตเร็ว กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดราคาสูง จึงได้จัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยได้เสนอในโครงการกบร้องก้องกาฬสินธุ์ กระจายในพื้นที่ 18 อำเภอ เกษตรกร 1,800 ราย พันธุ์กบเนื้อ 180,000 ตัว
“กบเนื้อ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเลี้ยงง่าย โตเร็ว ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 60-90 วัน ก็สามารถรับประทานหรือจับจำหน่ายส่งตลาดได้ สำหรับกบ เป็นสัตว์เลี้ยงใช้น้ำน้อย สามารถบูรณาการเลี้ยงกบในพื้นที่โครงการโคกหนองนา เป็นการต่อยอดเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน ชุมชน/หมู่บ้านของเกษตรกร โดยเฉพาะช่วงนี้ราคากบเนื้อสูงถึง กก.ละ 80-120 บาท ต่อ กก. จากเดิมขายกันที่ กก.ละ 60-70 บาท ซึ่งขนาด 3-4 ตัว ต่อ กก. จะเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริมจากการเลี้ยงกบ รวมถึงช่องทางในการแปรรูปกบ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดกบ