“อัลไลโกลบอล” เชื่อมลงทุนทั่วโลก หนุนคนไทยเพิ่มความมั่งคั่งพอร์ตต่างประเทศ
“อัลไลโกลบอล” เชื่อมลงทุนทั่วโลก หนุนคนไทยเพิ่มความมั่งคั่งพอร์ตต่างประเทศ ตั้งเป้า 5 ปี สินทรัพย์ใต้การบริหารทะลุกว่า “แสนล้าน”
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั่วโลก แต่การลงทุนต่างแดนยังมีข้อจำกัดบางประการ เพราะอัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับ เป็นอัตราผลตอบแทนที่ลดลงจากการลงทุนต้นทาง เพราะมีส่วนแบ่งกำไรที่ต้องกระจายให้ตัวกลางต่างๆ ทั้งตัวกลางในประเทศต้นทางและตัวกลางประเทศปลายทาง
กฤษฏิ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ALLY Global Management หรือ ALLY Global มองเห็นถึงโอกาสที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางหลายต่อ เพราะการผ่านตัวกลางหลายต่อนั้นเป็นสาเหตุให้ผลตอบแทนของนักลงทุนไทยน้อยกว่ามาก จึงตัดสินใจจัดตั้ง ALLY Global แพลตฟอร์มการลงทุนทางตรงที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์และหุ้นนอกตลาด (Alternative Investment-Private Equity Investment) เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2562
ALLY Global มีจุดแข็งตรงที่มีเครือข่ายลงทุนที่เข้มแข็งในต่างประเทศ โดยมีพันธมิตรหลักเป็นผู้ให้บริการในพื้นที่ (Local Operator) ส่งผลให้บริษัทเข้าถึงสินทรัพย์ที่ดีและมีคุณภาพก่อนผู้ประกอบการรายอื่น อีกทั้งสามารถให้ผลตอบแทนต่อปีหรือ IRR ให้แก่นักลงทุนได้ประมาณ 18-40% ต่อปี
ALLY Global เป็นบริษัทการลงทุน (Alternative Investment–Private Equity Investment) ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารการลงทุนมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และมีเป้าหมายที่ขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสู่ 5,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะเวลา 5 ปี ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส กรุงเทพฯ และสิงคโปร์ ซึ่ง ALLY Global เป็นแพลตฟอร์มแรกในเอเซียที่เน้นการลงทุนใน 4 ธุรกิจหลักทั่วโลก เพื่อสร้างมูลค่าการลงทุนโดยเน้นลงทุนธุรกิจที่มีความมั่นคง แนวโน้มเติบโตที่ดีในอนาคต และเน้นการลงทุนที่มีผลตอบแทนสูง มีทรัพย์สินหรือกระแสเงินสดรองรับ ได้แก่ 1. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) 2. สื่อและความบันเทิง (Media and Entertainment) 3. อุตสาหกรรมด้านบริการและโรงแรม (Hospitality) 4. การลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตยั่งยืน และพลังงานสะอาด (Growth, Sustainability and Green Energy) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความมั่นคง ผลตอบแทนสูงและมีกระแสเงินสดรองรับ
อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสที่จะลงทุนทั้งในระยะยาวหรือระยะสั้น และพร้อมมองหาการลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในไทยและต่างประเทศ จากกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่โลกดิจิทัล และเมกะเทรนด์ต่างๆ รวมถึงยังมองหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ประเภทพลังงานสะอาด การใช้บล็อกเชนมาทำเครื่องมือทางการเงินและการใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ในการลงทุน ซึ่งเน้นกลุ่มสินทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างมากทั่วโลก และให้ผลตอบแทนที่ดีมากแก่นักลงทุน ส่วนกระแสสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่กำลังมาแรง ยอมรับว่าสนใจเช่นกัน แต่ยังยึดมั่นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง (Asset-backed) เป็นหลัก
ปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 1 พันล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นสินทรัพย์จากกองรีทในไทย 400 ล้านดอลลาร์ และอีก 600 ล้านดอลล่าร์ เป็นสินทรัพย์ในต่างประเทศ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ 100 ล้านดอลลาร์ และอื่นๆ อาทิ ที่ดิน และการลงทุนในกิจการที่มีโอกาสเติบโตสูง (Growth Venture) อีกราว 500 ล้านดอลลาร์
ALLY GLOBAL มีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมที่มีศักยภาพสูง อาทิ
- โครงการ Mixed-Use มูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บนทำเลใจกลางเมืองที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดของไมอามี่ ฟลอริดา นับเป็นที่ดินแปลงงามสุดท้ายใน Brickell ที่ดีที่สุด เพิ่งมีการเปิดตัวรูปแบบเป็นคอนโดขายและให้เช่า
- โครงการอาคารธุรกิจพาณิชย์ 18 อาคาร บนถนนเวสเทิร์น อเวนิว สายหลักใน Hollywood ตั้งอยู่ใกล้พาราเมาท์ สตูดิโอและ เน็ทฟลิกซ์ ทำเลดีมีศักยภาพ โดยแนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการซื้อตึกพร้อมที่ดินและลงทุนในการปรับปรุง เพื่อสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากค่าเช่าได้กว่า 5 เท่าจากราคาที่ลงทุน ขณะนี้ได้มีการเซ็นสัญญาเช่ากับแบรนด์ดังๆ
- โครงการโรงแรมในทำเลดีที่สุดตั้งอยู่ใจกลางเบเวอรี่ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย ใกล้โรดิโอไดรฟ์ แนวคิดการลงทุนนี้ เป็นการลงทุนที่มีการได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน และด้วยทำเลที่สวยงามทำให้มีผู้เสนอซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่เราเข้าซื้อ 30% เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเข้าลงทุน อย่างไรก็ดีทางเรามองว่า มูลค่าในอนาคตจะยังคงเพิ่มต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโรงแรมได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีก
- ออฟฟิศบนถนนบรอดเวย์ นิวยอร์ค เป็นตึก 20 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้ไทม์สแควร์ เพนสเตชั่น และไบรอัน พาร์ค ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด ปัจจุบันมีอัตราการให้เช่าอยู่กว่า 95% เป็นการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนที่ 17%
ขณะที่ธุรกิจบันเทิง เราได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการลงทุนทางการเงิน พัฒนา และจัดจำหน่ายให้กับพันธมิตรบริษัทในวงการภาพยนตร์ทั้งในอเมริกาและระดับโลก ส่วนธุรกิจพลังงานสะอาดได้ลงทุนใน startups กว่า 50 บริษัท
กฤษฏิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มการลงทุนอีกราว 560 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ราว 330 ล้านดอลลาร์ ลงทุนในธุรกิจบริการและโรงแรมราว 100 ล้านดอลลาร์ การเพิ่มทุนกองรีทในประเทศไทยราว 30 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลือจะแบ่งลงทุนในธุรกิจสื่อและความบันเทิง และธุรกิจที่มีการเติบโตสูงราว 100 ล้านดอลลาร์
สำหรับการเข้ามาให้บริการในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้าในกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) และหน่วยดูแลความมั่งคั่งของครอบครัว (Family Office) ขณะที่ในระยะถัดไป ตั้งเป้าหมายขยายบริการไปยังกลุ่มลูกค้าสถาบันและกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยคาดว่าภายใน 5 ปีต่อจากนี้ (2566-2570) AUM จะเติบโตสู่ระดับ 5-10 พันล้านดอลลาร์
เมื่อสอบถามถึงโอกาสในการนำสินทรัพย์ต่างประเทศเข้ามาระดมทุนในกองรีท ALLY นั้น กฤษฏิ์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะอนุญาตให้ทำได้ แต่ในระยะสั้นคาดว่า จะเห็นการเพิ่มทุนจากสินทรัพย์ในประเทศเป็นหลักก่อน ขณะที่สินทรัพย์ต่างประเทศบริษัทไม่ได้ปิดกั้น โดยตั้งเป้าหมายหาสินทรัพย์ลงทุนที่ดีและมีคุณภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนพอใจกับอัตราการเติบโตที่จะก้าวต่อไปในอนาคต และนับเป็นมิติใหม่ของประเทศไทยในการนำนักลงทุนก้าวเข้าสู่การลงทุนในสินทรัพย์ระดับแนวหน้าในอเมริกาและระดับโลก