‘อุตตม’ แนะรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน!
แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อุตตม สาวนายน ระบุ อยากให้ทบทวนโครงสร้างราคาพลังงานใหม่
แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อุตตม สาวนายน ระบุ อยากให้ทบทวนโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ โดยเฉพาะราคาน้ำมันซึ่งปัจจุบันไทยอิงราคาจากประเทศสิงคโปร์ โดยราคาหน้าโรงกลั่น บวกค่าขนส่ง ภาษี ซึ่งเป็นสูตรโครงสร้างราคาน้ำมันปกติ แต่วันนี้สถานการณ์วิกฤติ จะคิดสูตรแบบเดิมไม่ได้ เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนจำเป็นต้องใช้สูตรนี้หรือไม่ และสูตรนี้ใช้มาหลายปีตั้งแต่ไทยยังไม่มีโรงกลั่นน้ำมัน แต่วันนี้ไทยมีโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ และมีกำลังกลั่นเกินแล้ว ตรงนี้ควรจะทบทวนสูตรใหม่ ไทยซื้อน้ำมันดิบมากลั่นในประเทศ จากนั้นก็กำหนดราคาหน้าโรงกลั่น เพื่อยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยอาจทดลองใช้ 3 เดือนก่อนเพื่อแก้วิกฤติ
ปัญหารัสเซียและยูเครนทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ซึ่งรัฐบาลต้องเยียวยาให้กับทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม
สำหรับวิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต่างจากในอดีต เพราะเป็นวิกฤตเชิงซ้อน เริ่มจากโควิด 19 เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งโควิดทำให้เศรษฐกิจไทยเปราะบาง มาวันนี้เกิดสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะจบเมื่อใด สิ่งที่ต้องทำคือการเยียวยา และการเดินหน้าเพื่อให้หลุดพ้นจากวิกฤติ ตั้งหลักก้าวไปข้างหน้า สร้างอนาคตได้ แม้สถานการณ์ยังคงดำเนินอยู่ก็ต้องประเมินเป็นระยะๆ ต้องมีแผนที่เหมาะสมเพื่อเป็นประโยชน์ต่ออนาคตประเทศ แม้จะไม่มีเรื่องรัสเซียและยูเครน สถานการณ์ก็ยังคงน่าเป็นห่วงจากโควิด เพราะยังไม่รู้จะจบเมื่อใด แม้จะดูเบาบางในช่วงนี้แต่คาดเดาไม่ได้ว่าอนาคตจะมีโควิดชนิดใดอีก สถานการณ์ขณะนี้จึงหนักกว่าที่ตนอยู่ในตำแหน่งรมว.คลัง
ส่วนการกู้เงินเพื่อมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น มองว่า การกู้เงินเป็นเรื่องที่ทำได้แต่ต้องตอบให้ได้ก่อนว่ากู้มาเพื่อทำอะไรเพื่อเป็นกระสุนเพิ่มในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่สิ่งที่ตนเห็นว่าน่าจะเป็นช่องทางที่น่าจะพิจารณาคือการทบทวนงบประมาณ ปี 65 และ ปี66 ที่กำลังร่างอยู่ในขณะนี้ ซึ่งงบประมาณปี 65 ใช้แล้ว ทั้งงบลงทุนและงบโครงการต่างๆ นำมาเขย่ากันใหม่อีกครั้ง เพื่อให้มีงบประมาณในการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจที่ติดหล่มขึ้นมา เช่น งบโครงการที่ยังสามารถรอได้ ทั้งที่ผูกพันและไม่ผูกผันเพราะวันนี้เกิดวิกฤตก็ต้องแก้ในแนวทางที่ไม่ปกติ เพราะเป็นเรื่องความจำเป็นที่ต้องทำ ในส่วนขอองนโยบายการเงินนั้น เห็นด้วยกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่ตรึงอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเพราะเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบาง อีกทั้งราคาน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้น ค่าไฟฟ้าปรับขึ้น ถ้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกก็ยิ่งซ้ำเติมประชาชน