การรถไฟฯ นำร่องเปิดประมูลเช่าที่ดินเชิงพาณิชย์ 21 เม.ย.นี้
ร.ฟ.ท.เดินหน้าเข็นที่ดินหารายได้เชิงพาณิชย์ ดึงพื้นที่ใจกลางเมืองย่านถนนเทิดกระเกียรติ รวม 5.88 ไร่ เปิดประมูลเช่าพัฒนา 30 ปี เอกชนจ่อยื่นข้อเสนอ 21 เม.ย.นี้
รายงานข่าวจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ ร.ฟ.ท.ยังคงมอบหมายให้ฝ่ายบริหารทรัพย์สินเดินหน้าหารายได้จากการบริหารพื้นที่ทั้งบริเวณแนวทางรถไฟ สถานีรถไฟ ตลอดจนพื้นที่ภายในสถานีรถไฟ ซึ่งดำเนินงานควบคู่ไปกับการศึกษาความเหมาะสมในการพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด โดยล่าสุด ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่าง เชิญชวนเอกชน เสนอค่าเช่าและค่าธรรมเนียมจัดประโยชน์ พร้อมโครงการพัฒนาที่ดิน 9.4 พันตารางเมตร หรือราว 5.88 ไร่ บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ - คลองตัน (ริมถนนเทอดพระเกียรติ)
อย่างไรก็ดี พื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยปัจจุบัน ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขอแก้ไขกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ที่ดินแปลงนี้สามารถใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ ดังนั้นในระหว่างรอผลการพิจารณาดังกล่าว เอกชนผู้ชนะการประมูลสามารถเข้าพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับผังเมืองรวมกรุงเทพฯ
“พื้นที่ริมถนนเทิดพระเกียรติส่วนนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาปรับแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ แต่การรถไฟฯ เล็งเห็นว่าสามารถดำเนินการเชิญชวนเอกชนเพื่อเตรียมพร้อมพัฒนาพื้นที่ได้ จึงเริ่มดำเนินการ แต่ภายใน 5 ปี หากไม่ได้รับการพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวง สิทธิในการเข้าพัฒนาพื้นที่ส่วนนี้ก็จะถูกยกเลิก ซึ่งมีเงื่อนไขกำหนดไว้ในเอกสารเชิญชวนแล้ว”
สำหรับเงื่อนไขการเช่าพื้นที่บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ - คลองตัน (ริมถนนเทอดพระเกียรติ) ร.ฟ.ท.กำหนดคิดค่าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นรายปีในอัตราตารางเมตรละ 172.24 บาทต่อปี เป็นเงินค่าเช่าปีแรกไม่น้อยกว่า 1,619,056 บาท มีอัตราเพิ่ม 5% ทุกปี จากอัตราค่าเช่าที่เสนอ (ไม่รวมภาษีฯ) โดยมีสัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้าง 4 ปี และสัญญาเช่าเพื่อหาประโยชน์ 30 ปี
ทั้งนี้ เมื่อได้มีการแก้ไขกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ให้ที่ดินแปลงนี้สามารถใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชน์ได้แล้ว ร.ฟ.ท.จะแจ้งให้ผู้ได้รับสิทธิเช่าพื้นที่ทราบเพื่อจัดทำสัญญา ซึ่งภายหลังมีการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าว ผู้ได้รับสิทธิเช่าจะต้องส่งแบบแปลนก่อสร้างส่วนแรกให้ ร.ฟ.ท.พิจารณาภายใน 1 ปี นับจากวันที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา
อีกทั้ง ผู้ได้รับสิทธิเช่าจะต้องดำเนินการตามกรอบระยะเวลาการปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี โดย ร.ฟ.ท.จะคิดค่าเช่า แบ่งเป็น
- ปีที่ 1 ปลอดค่าเช่า
- ปีที่ 2 คิดค่าเช่า 25% ของค่าเช่าที่ดินเพื่อจัดหาประโยชน์ปีแรกที่เสนอเป็นเงินไม่น้อยกว่า 404,764 บาท
- ปีที่ 3 คิดค่าเช่า 50% ของค่าเช่าที่ดินเพื่อจัดประโยชน์ปีแรกที่เสนอเป็นเงินไม่น้อยกว่า 809,528 บาท
- ปีที่ 4 คิดค่าเช่า 75% ของค่าเช่าที่ดินเพื่อจัดประโยชน์ปีแรกที่เสนอเป็นเงินไม่น้อยกว่า 1,214,292 บาท
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า โครงการพัฒนาที่เอกชนจะต้องเสนอนั้น ต้องเป็นการก่อสร้างอาคารที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 6,000 ตารางเมตร มูลค่าอาคารต้องไม่น้อยกว่า 48 ล้านบาท พร้อมพื้นที่จอดรถ และระบบสาธารณูปโภค เช่น ทางเท้า ถนน และท่อระบายน้ำ ให้เชื่อมต่อกับของเดิมที่มีอยู่ และเป็นไปตามกฎหมาย โดยขณะนี้ ร.ฟ.ท.มีกำหนดให้เอกชนยื่นข้อเสนอภายในวันที่ 21 เม.ย.นี้ จะประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาที่ผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคในวันที่ 24 พ.ค.2565 และเปิดซองเสนอราคาในวันที่ 27 พ.ค. 2565