แกว่งตัวจากแรงหมุนกลุ่ม และเก็งกำไร Window dressing

ขณะที่เตือนรัสเซียถึงการห้ามใช้อาวุธชีวภาพ, อาวุธเคมี รวมไปถึงนิวเคลียร์ต่อยูเครน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการใช้มาตรการทางทหาร นอกจากเสริมกำลังบางส่วนในประเทศสมาชิกนาโต้ ซึ่งทำให้ระดับของความขัดแย้งยังอยู่ที่รัสเซียและยูเครน ซึ่งแม้จะไม่ส่งผลกระทบเพิ่มเติมต่อตลาดในระยะสั้น แต่ในระยะกลางถึงยาวจะสร้างความเปลี่ยนแปลงหลายประการ ได้แก่

1) ทำใมห้เกิดการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลก

2) เกิดการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานและการใช้นโยบายสนับสนุนและกีดกันการค้าแยกตามกลุ่มประเทศ

3) เร่งการเข้าถึงจุดปลี่ยนของพลังงานสะอาดในยุโรป

4) เร่งการพัฒนาของสกุลเงินดิจิทัล เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกยึดหลักประกัน หรือการแทรกแซงจากประเทศมหาอำนาจ

ราคาน้ำมันชะลอตัว ลดลง 2% จากหลายปัจจัยที่เข้ามาในตลาด ได้แก่

1) สหภาพยุโรป (EU) ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับแผนคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย

2) การส่งออกน้ำมันจากบริษัท แคสเปียน ไปป์ไลน์ คอนซอร์เทียม (CPC) ที่บริเวณชายฝั่งทะเลดำ สามารถกลับมาดำเนินการได้แล้วบางส่วนหลังเผชิญความเสียหายจากพายุ

3) ความคาดหวังน้ำมันดิบจากอิหร่านเริ่มกลับมา หลังที่ปรึกษความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ประเมินว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน 
 

 

 

 

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น

1) กลุ่มพลังงาน PTTEP, BANPU, TOP (เน้นโรงกลั่น)

2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มที่มักจะเคลื่อนไหวได้ดีในภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้ง valuation ต่ำ และปันผลสูง ทำให้มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวของ LH, SPALI, AP, SC, ASW

3) กลุ่มบันเทิง งบโฆษณาที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ บวกต่อ ONEE, BEC, WORK, MONO

4) หุ้นเด่นไตรมาส 2/65 ที่เราชอบได้แก่ BBL, TIDLOR, CPN, OSP, TRUE, ONEE, TOP และ IVL

5) ขณะที่หุ้นที่สามารถเลือกเก็งกำไรในช่วงนี้ ได้แก่ KCE, HANA, PJW, TTCL, THREL, BLA, IND, MAJOR, WORK, TH เป็นต้น

 

ภาพรวมกลยุทธ์

ตลาดอาจแกว่ง 1,660-1,700 แต่บรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมยังเป็นบวก จาก Window dressing และการเปิดประเทศรับการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการดูแลค่าใช้จ่าย เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญจากการปรับประมาณการหลังงบไตรมาส 1/65 ในอีก 1-2 เดือน เป็นสิ่งที่ต้องจับตา //หุ้นแนะนำ: HANA*, THREL*, ERW*, PMTA*

แนวรับ: 1,669 / แนวต้าน : 1,685-1,692 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

 

ประเด็นการลงทุน

สภาพัฒน์ คาดน้ำมันแพง-ท่องเที่ยวไม่ฟื้นกด GDP ปี 65 โตต่ำคาด  – ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้ง รัสเซียและยูเครน ในเบื้องต้นคาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่

(1) ผลกระทบต่อเงินเฟ้อ

(2) ผลกระทบต่อ ภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากแนวโน้มการลดลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย

พาณิชย์ เผยส่งออก ก.พ.โต 16.2% – การส่งออกเดือน ก.พ.65 มีมูลค่า 23,483.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.2% จาตลาดคาดขยายตัว 10-11% ขณะที่มูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 23,359.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.8% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 123.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดเริ่มเห็นผลกระทบรัสเซีย-ยูเครนในมี.ค.

PRM  – เข้าทำสัญญาซื้อเรือขนส่งและจัดเก็บ (FSU) ขนาดระวางบรรทุก 300,373 เดทเวทตัน อายุ 20 ปี กับ Tate Offshore Limited ซึ่งเป็นนิติบุคคลภายใต้อิทธิพลของบริษัท นทลิน จำกัด ในราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 67.61 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการประกอบธุรกิจขนส่งและจัดเก็บน้ำมัน (FSU)

CPF  – บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตขึ้น 10% แต่ยังมีความท้าทายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะราคาขายเนื้อสัตว์ที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งเห็นได้ชัดจากราคาหมู หลังจากประเทศจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ดีมานด์การบริโภคหมูลดลง จึงส่งผลกระทบต่อราคาขาย

Opportunity day- 25 มี.ค. STECH, TPIPL, NNCL, HPT, ASK, DEMCO, TKT / 28 มี.ค. OR, NWR, SKR, STI, AMATAV, TH / 29 มี.ค. SHREIT, KWM, STOWER, CIVIL, ASEFA, AU, EA / 30 มี.ค. RWI, THAI, AIMCG, APCO, SYMC, TRC, UKEM 

หุ้นที่มีโอกาสติด Cash balance – ได้แก่ SVT และ JSP

 

ประเด็นติดตาม: 30 มี.ค. – การประชุม กนง., 31 มี.ค. – China Manufacturing PMI เดือน มี.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)