Property Sector กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้
จากการศึกษาตัวชี้วัดหลาย ๆ ตัว เราพบว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถูกมองเป็นการลงทุนที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ซึ่งแม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่การที่ราคาที่อยู่อาศัยขยับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความยืดหยุ่นในการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าจะช่วยชดเชยความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อโดยรวมได้
ประเด็นสำคัญที่เราพบได้แก่ i) ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (SETPROP) ไม่มีสหสัมพันธ์เชิงลบกับราคาวัสดุก่อสร้าง (Figure 1) ซึ่งหมายความว่าต่อให้ราคาวัสดุก่อสร้างผันผวนมาก็ไม่ได้เป็นเหตุให้ตลาดเป็นกังวลมากนัก ii) ตามปกติแล้วราคาขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในกรุงเทพและปริมณฑลมักจะปรับขึ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อรายปี (Figure 2-Figure 3) และ iii) อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มค่อนข้างผะนผวนน้อยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา แสดงถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย
ORI, SPALI, AP และ LH เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
เราพบว่ามีหุ้นเพียงบางตัวที่เราศึกษาอยู่เท่านั้นที่เหมาะจะใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เราชอบหุ้นที่มี Return On Invested Capital (ROIC) สูง เพราะหุ้นที่ ROIC สูงกว่ามักจะมีอัตรากำไร และสัดส่วน capital turnover ที่สูงกว่า ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากกว่าในการที่จะส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อไปให้กับผู้ซื้อบ้าน
เมื่ออิงจากการวิเคราะห์ ROIC เราพบว่า Origin Property (ORI.BK/ORI TB)*, Supalai (SPALI.BK/SPALI TB)*, AP (Thailand) (AP.BK/AP TB)* และ Land and Houses (LH.BK/LH TB)* ค่อนข้างเหมาะสำหรับใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อมากกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม
Valuation & action
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มนี้ที่ Overweight จากภาวะอุปสงค์-อุปทานที่สมดุลกันมากขึ้น ทั้งนี้ ท่ามกลางสภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงตลอดทั้งปีนี้ การศึกษาของเราพบว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทยสามารถใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ โดยเราเลือก ORI (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท), AP (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.80 บาท) และ Pruksa Holding (PSH.BK/PSH TB)* (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม
Risks
ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลง, COVID-19 ระบาดนานกว่าที่คาดเอาไว้