"นารายณ์ โฮเต็ล" ปั้นแลนด์มาร์กหมื่นล้าน ปลุกความคึกคัก "สีลม" ไม่เคยตาย!

รองรับเทรนด์การท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไป! 

นที นิธิวาสิน กรรมการบริหาร บริษัท นารายณ์ โฮเต็ล จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 เล่าว่า พอเจอสถานการณ์โรคระบาดนี้เข้าไป ทำให้บริษัทฯต้องเร่งตัดสินใจเร็วขึ้น! หากไม่มีโควิด-19 เราอาจจะยังเปิดให้บริการโรงแรมนารายณ์ไปเรื่อยๆ แต่พอ “ไฟลนก้น” เท่านั้น! จึงเดินหน้าโครงการ ประกาศปิดโรงแรมนารายณ์เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา

“การตัดสินใจปิดโรงแรมนารายณ์เพื่อทุบแล้วก่อสร้างอาคารใหม่ ไม่ใช่ว่าเราทำเพราะเห็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ เริ่มเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ ในย่านสีลมและใกล้เคียง แต่เป็นเพราะโรงแรมนารายณ์สร้างมานานกว่า 50 ปี ตั้งแต่ปี 2511 มีปัญหาในเชิงโครงสร้างตึกมากมายหากต้องรีโนเวต เลยคิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องรื้อพัฒนาโฉมใหม่เพื่อให้บริษัทฯเติบโต”

ประกอบกับภาพรวมการพัฒนาอสังหาฯย่านสีลมกลับมาคึกคักอีกครั้ง มีคู่แข่งใหม่ โรงแรมแบรนด์ใหม่ๆ ผุดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะโครงการมิกซ์ยูสของบรรดาทุนใหญ่ ทั้ง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่าโครงการกว่า 4.6 หมื่นล้านบาท บริเวณหัวมุมถนนสีลม ตรงข้ามสวนลุมพินี ภายใต้การร่วมทุนระหว่างกลุ่มดุสิตธานีและเซ็นทรัลพัฒนา ถัดไปมีโครงการ “วัน แบงค็อก” มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท ของตระกูล “สิริวัฒนภักดี” บนถนนพระราม 4

สะท้อนชัดว่า “สีลมไม่เคยตาย!” เป็นนิมิตหมายอันดีว่าย่านนี้ยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติได้เสมอ

“หากจะเสียดายก็คงเป็นเรื่องที่โรงแรมนารายณ์ไม่สามารถจัดงานเลี้ยงใหญ่ส่งท้ายการปิดโรงแรมแก่บรรดาคู่ค้าและลูกค้าเก่าได้ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่สายพันธุ์โอมิครอนยังคงระบาดอยู่”

สำหรับโครงการนี้ของบริษัทฯ วางคอนเซ็ปต์การพัฒนา “Be Part of Everyone Community” สู่การเป็น “An Oasis” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 6 ไร่ใจกลางย่านสีลม มีมูลค่าโครงการราว 8,000-10,000 ล้านบาท มากที่สุดนับตั้งแต่บริษัทฯเคยลงทุนมา! แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการลงทุนเองทั้งหมดหรือมีพันธมิตรร่วมทุน

โดยจะทุบโรงแรม 2 อาคาร ทั้งโรงแรมนารายณ์ ขนาด 465 ห้องพัก เคยขายได้ที่ราคา 1,000-2,000 บาทต่อคืน ลูกค้าดั้งเดิมคือกรุ๊ปทัวร์ และโรงแรมทริปเปิลทู สีลม ซึ่งตั้งอยู่ข้างกัน ขนาด 75 ห้องพัก เคยขายที่ราคา 2,000-3,500 บาทต่อคืน เพื่อก่อสร้าง 2 อาคารใหม่ ความสูงไม่เกิน 20 ชั้น แม้จะตั้งอยู่บนทำเลทองสีลม แต่มองว่ามุ่งพัฒนาให้เป็นจุดเด่นก็พอ ไม่จำเป็นต้องขึ้นตึกสูงที่สุด โดยจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยรวม 70,000 ตารางเมตร ให้บริการโรงแรม 2 แบรนด์ด้วยกัน

ประกอบด้วย โรงแรมนารายณ์ ที่ยังคงเก็บเอกลักษณ์ชื่อเดิม แต่ปรับโฉมเป็นโรงแรมสไตล์ไฮบริดระดับ 4-5 ดาว ขนาดราว 200 ห้องพัก ตัดสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างออกให้สอดรับกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป เช่น สปาและห้องอาหาร ที่ไม่ค่อยเลือกใช้บริการในโรงแรมนัก นิยมเสาะหาร้านอาหารและสปานอกโรงแรมตามรีวิวออนไลน์มากกว่า คาดสามารถเพิ่มราคาขายห้องพักเป็นไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อคืน โฉมหน้าลูกค้าก็จะเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มที่กล้าใช้จ่ายและนิยมเที่ยวเป็นกลุ่มเล็กมากขึ้น

ส่วนอีกโรงแรมจะใช้แบรนด์ระดับลักชัวรี 6 ดาว ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อเชนโรงแรมรายใหญ่ และจะเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่สามารถนำแบรนด์นี้มาเปิดให้บริการ มีขนาดราว 100-150 ห้องพัก หวังนำมาสู้กับแบรนด์โรงแรม 6 ดาวชื่อดังอื่นๆ ที่ปักหมุดในไทยแล้ว ทั้งแมนดาริน โอเรียนเต็ล, โฟร์ซีซั่นส์ และโรสวู้ด

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สวน 7,000 ตารางเมตร เชื่อม 2 อาคารใหม่ดังกล่าว ไว้เป็นพื้นที่ให้กลุ่มคนทั่วไปทุกวัยได้เข้ามาพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าโรงแรมโดยตรง โดยมีคลองคั่นกลางไว้เป็นที่พักผ่อน พร้อมเปิดพื้นที่ดึงร้านอาหารรวมกว่า 20 ร้าน ทั้งสตรีทฟู้ด ร้านอาหารชื่อดัง บางร้านอาจพ่วงดีกรีมิชลิน ชูเป็นแหล่งท่องเที่ยวรองรับไลฟ์สไตล์ Enjoy Eating และไฮไลต์อยู่ตรงการอัญเชิญ “รูปปั้นองค์พระนารายณ์” ที่อยู่คู่โรงแรมมาตั้งแต่เริ่ม มาให้ผู้คนทั่วไปได้เข้ามาสักการะ และเสพบรรยากาศเก่าๆ กลิ่นอายของความเป็นโรงแรมนารายณ์

อีกส่วนที่ต้องคงไว้คือห้องประชุมสัมมนา เพื่อสานต่อชื่อเสียงเรื่องนี้ของโรงแรมนารายณ์ รองรับการจัดงานประชุมขององค์กรและงานแต่งงาน ความจุสูงสุด 2,000-3,000 คน

ทั้งนี้ บริษัทฯวางแผนเริ่มทุบโรงแรมเก่ากลางปีนี้ และเปิดให้บริการโครงการใหม่พร้อมกันทุกองค์ประกอบภายในปี 2569