ThaiBMA ชี้ตลาดหุ้นกู้เอกชนคึกคัก แม้เฟดขึ้นดบ.-ตลาดโลกผันผวน
"สมาคมตลาดตราสารหนี้ฯ" เผย ไตรมาส 1/65 เอกชนออกหุ้นกู้คึกคัก แตะ 2.48 แสนล้าน โต 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านนักลงทุนตอบรับดี คาดทั้งปีนี้ยังมียอดออกทะลุ 1 ล้านล้าน ต่อเนื่องอีกปี เหตุต้นทุนยังไม่สูง แม้ดอกเบี้ยขาขึ้น พร้อมแนะทยอยลงทุนหุ้นกู้ระยะสั้น
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า การออกเสนอขายหุ้นกู้เอกชนในไตรมาส 1 ปีนี้ยังคึกคัก แม้ตลาดผันผวน แต่มียอดออกหุ้นกู้เอกชนเพิ่มต่อเนื่อง ณ 28 มี.ค. 2565 อยูู่ที่ 2.48 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 1.74 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่มีอันดับเรทติ้ง ตั้งแต่ AAA จนถึง BBB- ซึ่งจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ผลประกอบการดีและมีความมั่นคง วัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้มีทั้งระดมทุนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ ชำระหนี้เงินกู้และการต่ออายุหุ้นกู้ที่ครบกำหนด(rollover) เช่น บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) , บมจ. แสนสิริ(SIRI) และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น( TRUE) ซึ่งนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบันให้การตอบรับที่ดี
สำหรับต้นทุนในการออกหุ้นกู้ของของบริษัทเอกชนที่มีเรทติ้งระดับลงทุน ยังไม่ปรับขึ้นมาก แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีมานี้ผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยิลด์)ขยับขึ้นมาค่อนข้างมากโดยค่าเฉลี่ยการออกหุ้นกู้เอกชนอายุ 5 ปี เทียบกับบอนด์ยีลด์ 5 ปี อยู่ที่ 1.7% ขยับขึ้นจากต้นปีราว0.41%แต่ในส่วนต่างอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นจากพันธบัตรรัฐบาล(เครดิตสเปรด)ชดเชยความเสี่ยงดังกล่าว ทำให้ต้นทุนไม่ได้ปรับขึ้นมากแต่ยังต้องติดตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในครึ่งปีหลังเชื่อว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะผู้ออกหุ้นกู้มีวิธีการระดมทุนที่หลากหลายมากขึ้น สามาถใช้บริหารจัดการต้นทุนได้
“ถึงแม้จะมีความผันผวนในตลาดโลก แต่ไม่กระทบต่อการลงทุนหุ้นกู้เอกชน เพราะยังถือเป็นทางเลือกการระดมทุนที่ดีสำหรับบริษัทเอกชนและยังคงได้รับความเชื่อมั่นที่ดีจากนักลงทุนสะท้อนจากบริษัทเอกชนยังสามารถออกหุ้นกู้ที่ครบดีลได้ต่อเนื่อง”
ขณะเดียวกันในปีนี้ เชื่อว่าแนวโน้มการออกหุ้นกู้เอกชนจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดี ตามที่คาดการณ์ไว้ว่ายอดออกหุ้นกู้เอกชนทะลุ 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ ภายใต้สมติฐานสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนแม้ยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรงขึ้น และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มีการล็อกดาวน์ รวมถึงปัจจุบันก็มีช่องทางการจองซื้อหุ้นกู้เอกชนมีหลากหลายมากขึ้น
นางสาวอริยา กล่าวว่า การออกหุ้นกู้ไฮยิลด์นั้น คาดว่า ในปีนี้จำนวนบริษัทที่จะออกน้อยมาก เพราะหากเป็นการออกใหม่ต้องไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้ หรือแม้จะมีการขอยืดชำระหนี้ก็ต้องรอให้ชำระหนี้ทั้งหมดก่อนถึงจะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุน
อย่างไรก็ตามในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น การลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวอาจทำให้เสียโอกาส แนะนำว่า ควรเน้นการลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและทยอยเข้าลงทุน อีกทั้งนักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น และสม่ำเสมอดีกว่าเงินฝาก ซึ่งในระบบมีเงินออมสูง มีเงินฝากถึง16 ล้านล้านบาทสามารถรองรับการระดมผ่านการออกตราสารหนี้ได้อีกมาก
ส่วนการลงทุนหุ้นกู้ไฮยิลด์ ต้องศึกษาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนักลงทุนที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน ต้องศึกษาข้อมูลบริษัทให้ดีว่ามีประวัติการยืดชำระหนี้หรือไม่ เพื่อรับรู้ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นให้ชัดเจน หากรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวได้ก็สามารถเข้าลงทุนได้