KTC เข้มอนุมัติบัตรใหม่ ดันยอดปฏิเสธใบสมัตรพุ่ง 80%
“เคทีซี” คุมเข้มคุณภาพหนี้ ดัน ยอดปฏิเสธใบสมัครพุ่ง 50-80% หนุน“เอ็นพีแอล” อยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงโควิด-19 เผย ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรช่วง 2 เดือนแรกโต 10% พร้อมจับมือ อโกด้า-มาสเตอร์การ์ด ออกบัตรเครดิตใหม่
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ปัจจุบันคุณภาพหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี สะท้อนผ่านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่ำกว่าช่วงโควิด-19 เนื่องจากบริษัทเพิ่มความระมัดระวังอนุมัติใบสมัครบัตรเครดิตในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตัวเลขยอดปฏิเสธใบสมัครบัตรเครดิตสูงถึง 50-80% ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละประเภทของบัตรเครดิต
ทั้งนี้ ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว บริษัทแบ่งกลุ่มลูกค้า 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ใช้จ่ายหรือเดินทางท่องเที่ยว และกลุ่มกำลังซื้อลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและเงินฝืด ดังนั้น บริษัทจะเจาะไปในกลุ่มที่มีโอกาสไปได้
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของการใช้จ่ายที่สูงขึ้น และในบางช่วงสูงกว่าปี 2562 หรือช่วงโควิด-19 ระบาด โดยคาดสถานการณ์ท่องเที่ยวจะเริ่มคึกคัก หลังภาครัฐเตรียมประกาศให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งก็จะน่าจะผลดีต่อการใช้จ่าย
ล่าสุด บริษัทจับมือกับอโกด้าและมาสเตอร์การ์ดออกบัตรเครดิตร่วม (Co-Branded) เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย คาดการณ์ในปีแรก จะมียอดสมัครบัตรถึง 1.5 แสนใบ
สำหรับเคทีซี อโกด้า-มาสเตอร์การ์ดดังกล่าวนั้น จะมอบสิทธิพิเศษสำหรับการจองโรงแรม ห้องพัก บัตรโดยสารสายการบิน รวมถึงบริการอื่นๆ ด้านการเดินทางท่องเที่ยวที่ครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของอโกด้าได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์ที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ปกติ มียอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในการจองโรงแรมและที่พักผ่านอโกด้าเป็นอันดับต้นๆ ของหมวดท่องเที่ยว ประกอบกับ มาสเตอร์การ์ดซึ่งมีเครือข่ายในกว่า210ประเทศ ทำให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจในระบบความปลอดภัย
นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - การตลาดบัตรเครดิต KTC กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิดที่ยังคงระบาด และผลกระทบจากสงครามรัสเซียกับยูเครน มีผลทำให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซี ในช่วง 2 เดือนบ้าง แต่ หมวดการใช้จ่ายหมวดหลักๆ
อย่างเช่น การเติมน้ำมัน การซื้อสินค้าออนไลน์ การรับประทานอาหาร โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า หรือหมวดร้านเสริมความงาม หมวดสะดวกซื้อ ก็ยังมีการเติบโตดีกว่าปีก่อนๆ มาก
ดังนั้นทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรโดยรวมยังเติบโต ประมาณ10% และคาดว่าแนวโน้มน่าจะยังสามารถเติบโตได้มากกว่าปี 2564