โฉมใหม่ “คิง เพาเวอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ” พร้อมบริการ 1 เมษายน
คิง เพาเวอร์ ประกาศความพร้อม “คิง เพาเวอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ” โฉมใหม่ พร้อมเปิดบริการ 1 เมษายน รับนโยบายฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โชว์ศักยภาพการบริหารธุรกิจดิวตี้ ฟรี และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยาน
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า คิง เพาเวอร์ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของภาครัฐ เช่นเดียวกับธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชนอื่นๆ
“ในฐานะที่ คิง เพาเวอร์ เป็นผู้บริหารร้านค้าดิวตี้ ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและร่วมส่งเสริมภาพลักษณ์ของสนามบินในการเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค วันที่ 1 เมษายน นี้ คิง เพาเวอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า-ออก ด้วยโฉมใหม่”
การปรับโฉมใหม่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย ตามพันธกิจการปรับปรุงตกแต่งร้านค้า โดยหัวใจสำคัญคือการเป็น World Junction ซึ่งประกอบด้วย
- World Fashion
- World Beauty
- World Duty Free
โดยมีเป้าหมายคือ การสร้างปรากฏการณ์ “ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ชอปปิง เดสติเนชั่น” (Duty Free World Class Shopping Destination) ให้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค เป็นสนามบินที่มีความครบครันของแฟล็กชิพ สโตร์ของแบรนด์เนมระดับโลก มีความสมบูรณ์ในระดับสากล
ล่าสุด คิง เพาเวอร์ ได้รับความร่วมมือจากแบรนด์แฟชั่นปารีสระดับตำนาน “หลุยส์ วิตตอง” (Louis Vuitton) ที่เปิดแฟล็กชิพสโตร์ภายในสนามบินที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ยังสร้างปรากฏการณ์การเดินทางครั้งใหม่ กับ “กุชชี่” (Gucci) แบรนด์แฟชั่นระดับตำนานจากอิตาลี ด้วยการนำเทคโนโลยี LED video wall display มาสร้างสีสันให้ กุชชี่ เป็น LED Boutique ในสนามบินเป็นครั้งแรกของเอเชีย
และเมื่อรวมกับแฟลกซ์ชิพ สโตร์ ระดับลักชัวรี่ อีกกว่า 20 แบรนด์ระดับโลก ไม่ว่าจะเน คาร์เทียร์ (Cartier), ชาแนล (Chanel), แอร์เมส (Hermes), เฟอร์รากาโม (Ferragamo), โบเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta), แซงต์ โลรองต์ (Saint Laurent), Balenciaga (บาเลนเซียกา), เซลีน (CELINE), โลเอเว่ (LOEWE) หรือริโมวา (Rimowa) จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็น World Junction ของ World Fashion ที่มีแบรนด์ระดับโลกครบทุกแบรนด์
สำหรับโซน World Beauty mujปรับปรุงการตกแต่งร้านค้าได้รับความร่วมมือจาก 5 แบรนด์ ชั้นนำ ได้แก่ ชาแนล (Chanel), เอสเคทู (SKII), ลังโคม (Lancôme), เอสเต้ ลอเดอร์ (ESTÉE LAUDER) และ ดิออร์ (DIOR) ที่เปิดแฟล็กชิพสโตร์เครื่องสำอางและน้ำหอม เพื่อหนุนความเป็น Beauty Gate Way ระดับลักชัวรี่
ด้านพื้นที่ World Duty Free รวบรวมสินค้ายอดนิยมของนักเดินทาง ได้ สุรา, ขนมและของฝากที่ระลึกทั้งไทยและต่างประเทศ สินค้าอัตลักษณ์ไทยพื้นบ้านซึ่งช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจชุมชน
ด้านการอำนวยความสะดวกระหว่างเดินทาง ได้ปรับปรุง The Atlas Club และ King Power Space สำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ ด้วยมาตรการสุขอนามัยระดับสากล แต่ยังให้ความสะดวกสบายแก่นักเดินทาง ซึ่งสมาชิกฯ สามารถตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้บริการล่วงหน้าที่ http://member.kingpower.com
และยังปรับปรุงร้านอาหารชั้นนำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ที่ผ่านมา คิง เพาเวอร์ยังพัฒนาการให้บริการใหม่ “KING POWER CLICK & COLLECT” ผ่านระบบออนไลน์ ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและการชอปปิงยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว จากที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี เพราะอำนวยความสะดวกในการชอปปิงสินค้า ดิวตี้ ฟรี ในระบบออนไลน์ และรับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก และสามารถชอปปิงได้จนถึง 2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนออกเดินทาง
รวมถึงเพิ่มแบรนด์ดัง และสินค้า Travel-Exclusive ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยกลุ่มสินค้ายอดนิยม ได้แก่ เครื่องสำอางและน้ำหอม