อสังหาฯกางโรดแมปดิจิทัลชูกรีนบอนด์แต้มต่อแข่งขัน
อสังหาฯ แนะผู้ประกอบการเร่งวางโรดแมปเคลื่อนธุรกิจแห่งอนาคตเกาะ “เมกะเทรนด์” ดิจิทัล-กรีน-ประหยัดพลังงาน-เซฟตี้" ปั้นนวัตกรรมหนุนลดต้นทุน พร้อมชู "อินเวสต์เมนต์พร็อพเพอร์ตี้" รับดีมานด์คนรุ่นใหม่
หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงการอสังหาริมทรัพย์ให้ความสำคัญกับ “Mega Trends” นำมาเป็นโจทย์ตั้งในการขับเคลื่อนธุรกิจในโลกยุคใหม่ ผู้ประกอบการต้องเร่งพัฒนาและวางกลยุทธ์สอดรับกระแสการเปลี่ยนแปลงตอบโจทย์การใช้ชีวิตในวิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) โดย วานนี้ (31 มี.ค.) กรุงเทพธุรกิจ จัดสัมมนา Property Focus 2022 ในหัวข้อ “MEGA TREND อสังหาฯ รับ NEW NORM” ผ่านมุมมองผู้ประกอบการอสังหาฯ
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมกะเทรนด์ทุกธุรกิจโดนบีบด้วยสถานการณ์โควิด-19 เป็นโกลบอลอิมแพ็คที่ไม่เลือกประเทศ ไม่เรียงลำดับขนาดใหญ่ เล็ก จากประสบการณ์ดังกล่าว สิงห์ เอสเตท ได้สร้างการเรียนรู้ในการปรับตัวด้วยการกำหนดกลยุทธ์ พัฒนาสินค้า บริการภายใต้แนวคิด Enriching Tomorrow สร้างคุณค่าที่ดีที่สุดเพื่อวันพรุ่งนี้ ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม
ด้วยการประยุกต์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพมาใช้ในโครงการที่อยู่อาศัย การใช้เทคโนโลยีที่สามารถนำพลังงานธรรมชาติ และ ผลิตผลพลอยได้ มาจากพลังงานสะดวก เพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ทางธุรกิจ ตั้งเป้าลดคาร์บอนองค์กรให้ต่ำที่สุดและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม และการนำนวัตกรรม มาใช้ในการทำธุรกิจเพื่อสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ
หนึ่งในเทรนด์ที่สำคัญ คือ “กรีน” ที่มีผลต่อ 4 ธุรกิจหลัก ของ สิงห์ เอสเตท ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย โรงแรม สำนักงาน และนิคมอุตสาหกรรม นอกเหนือจาก เทรนด์ดิจิทัล ที่นำมาใช้ตอบสนองความต้องการลูกค้าและการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
กรีนบอนด์แต้มต่อธุรกิจ
ทั้งนี้ ผูับริโภครุ่นใหม่เทรนดี้ให้ความสำคัญเรื่องกรีน โดยเฉพาะเรื่อง “กรีนบอนด์” มีความสำคัญมากขึ้น และ สะท้อนให้เห็นว่า หากคุณดูแลสิ่งแวดล้อมดีมากแค่ไหน ก็จะกลายเป็นแต้มต่อให้กับธุรกิจ ทำให้สามารถระดมทุนได้ในราคาที่ต่ำกว่าคนอื่น
“แม้ว่าในประเทศไทยยังเพิ่มเริ่มต้น แต่ในต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุน 20% ของคำถามให้ความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยะเฉพาะธุรกิจโรงแรม ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพราะมีการปล่อยของเสียจากการให้บริการต่างๆ”
นางฐิติมา ระบุว่า เป้าหมายหลักของ สิงห์ เอสเตท คือการได้รับการยอมรับจากนานาชาติอย่างเนื่องกรีนบอนด์ หรือกรีนฟันดิ้ง ซึ่งเป็นเป้าหมายสุดท้าย ที่ทำให้สินค้าของเราอยู่บนมาตรฐานใหม่นานาชาติที่ต่างชาติให้การยอมรับ ไม่ใช่ เรื่องสวย สะอาดได้รับรางวัลแต่เป็นการได้รับการยอมรับในทุกมิติของการให้ความสำคัญสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน
ส่วนปัญหาที่กังวลในเวลานี้คือ ต้นทุนวัสดุที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากโดมิโนเอฟเฟคต์จากวิกฤติที่ดีเวลลอปเปอร์ต้องพยามบริหารจัดการต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ปั้นนวัตกรรมลงทุนสร้างสตาร์ทอัพ
นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด ในเครือออริจิ้น กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีกลางเมืองขณะนี้ยังคงชะลอตัว หลังจากหดตัวเฉลี่ย 50% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องในปี 2566
เนื่องจากดีมานด์ของผู้ซื้อยังคงกล้าๆ กลัวๆ ทำให้จำเป็นต้องกระตุ้นตลาดมากกว่านี้ ประกอบกับต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ สินค้าต้นน้ำหรือเคมีภัณฑ์บางตัวยังต้องนำเข้า ขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ไม่ได้กระทบต่อราคาที่ดินในเขตเมืองเลย ส่งผลให้การถือครองอสังหาฯ ในเมืองกลายเป็นแรร์ไอเทมส์ (Rare Items) สวนทางกับตลาดบ้านเดี่ยวที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 เข้ามาดิสรัปพฤติกรรมผู้อยู่อาศัย
จากสถานการณ์ดังกล่าวและรูปแบบการลงทุนที่เปลี่ยนไปทำให้บริษัทมุ่งพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาฯ ของเครือออริจิ้น คือ “แฮมป์ตัน โปรแกรม อินเวสต์เมนต์ พร็อพเพอร์ตี้”
ซึ่งเริ่มพัฒนาขึ้นก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 เพื่อแก้เพนพอยต์ของนักลงทุนหรือลูกค้าบางกลุ่มที่ยังรักการครอบครองคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นอสังหาฯที่เล็กที่สุด ใช้เงินลงทุนน้อยที่สุด และสามารถปล่อยเช่าได้คล่องตัวกว่า แต่ที่ผ่านมาลูกค้าเจ็บจากการปล่อยเช่าไม่ค่อยได้ ไม่มีเวลา ไม่มีช่องทาง และไม่ชอบง้อผู้เช่า
“นักลงทุนมองว่า ถ้ามีรายได้ ค่าเช่าทุกเดือน จะไม่เจ็บปวด แล้วถ้าไม่ต้องวุ่นวายหรือไม่ต้องลงมือทำเอง แต่ได้ค่าเช่าสมน้ำสมเนื้อในทุกๆ เดือนสม่ำเสมอยาวๆ จะมีความสุข เราจึงพัฒนาโปรแกรมนี้ขึ้นมาเพื่อแก้เพนพอยต์เรื่องนี้ ทั้งเป็นเสมือนการสร้างสตาร์ทอัพอีกด้วย”
โดยมีหลักประกันในรูปแบบของโฉนด ยิ่งนาน ราคาก็ยิ่งเพิ่ม เพราะเมื่อดูดัชนีราคาคอนโดฯเทียบภาวะเงินเฟ้อในกรุงเทพฯและปริมณฑลช่วง 13 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2563 ราคาคอนโดฯอยู่ที่ 188.67 สามารถเอาชนะเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ 115.02 ได้ ทั้งนี้การลงทุนอสังหาฯยังไม่ผันผวนหรือสวิงเหมือนการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหรือหุ้นบางตัว และเสน่ห์ของโปรแกรมนี้คือจะช่วยให้นักลงทุนมีรายได้ค่าเช่าอย่างสม่ำเสมอในทุกเดือน ตลอด 10+10 ปี
“เหตุผลที่ทำให้เครือออริจิ้นเป็นรายเดียวที่ทำเรื่องนี้ได้ เป็นเพราะเรามีเครือโรงแรมที่ทั้งเปิดให้บริการในปัจจุบันและอยู่ระหว่างพัฒนาใน Pipeline จำนวน 12 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพัก 4,530 ห้อง รวมมูลค่า 23,800 ล้านบาท มาเสริมด้านการให้บริการ ทำให้การดูแลเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับเรา สะท้อนให้เห็นว่าเราไม่ได้ทำแค่สินค้าอสังหาฯขายขาด แต่สามารถนำสินค้าเหล่านี้มาบริหารและหารายได้ในระยะยาวให้แก่ลูกค้าได้ด้วย โดยหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เราเริ่มเห็นการเติบโตของผู้เช่าชาวต่างชาติมากขึ้นด้วย”
หนุนไทยศูนย์กลางดิจิทัลเอเชีย
นายวรเดช รุกขพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีถือเป็นอาวุธสงครามทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และทำให้ประเทศไทยอยู่ในเทรนด์ของอนาคต โดยต้องเร่งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางดิจิทัลของเอเชีย ด้วยการมีดิจิทัลฮับทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวระดับโลก”
สำหรับสถานการณ์ตลาดอสังหาฯในปัจจุบัน มองว่าจำเป็นต้องพัฒนาตลาดมูลค่า 8 แสนล้านบาทจากการโอนกรรมสิทธิ์ต่อปี สู่เป้าหมายระดับ 1-3 ล้านล้านบาทต่อปี ด้วยการสร้างแรงซื้อใหม่จากชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯมากขึ้น
โดยภาครัฐควรพิจารณาปลดล็อกการถือครองที่ดินหรือกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติ ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นนโยบายขายชาติ เพราะสามารถควบคุมได้ เช่น ให้ต่างชาติเข้ามาซื้อบ้านหรือที่ดินในลักษณะการเช่าซื้อระยะยาว และกำหนดว่าต้องขายคืนให้คนไทยเท่านั้น ไม่สามารถส่งต่อให้ชาวต่างชาติด้วยกันได้
“หากภาครัฐสามารถปรับปรุงนโยบายและแก้ไขกฎหมายเพื่อเอื้อต่อการสร้างแรงซื้อใหม่ จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เชื้อเชิญให้นักลงทุนและนักพัฒนาจากทั่วโลกซึ่งขณะนี้มุ่งเน้นฐานการลงทุนไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ให้กลับมาลงทุนที่ไทยอีกครั้ง”
ทั้งนี้บริษัทฯเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ Property Mall ในช่วงปลายเดือน เม.ย.นี้ เพื่อเชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งขณะนี้มีพันธมิตรรายใหญ่หลายรายนำสินค้ามากกว่า 300 โครงการเข้าร่วมแล้ว โดยยึดจากตัวตนของผู้ซื้อ จะมีการนำเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส (Metaverse) รองรับการเยี่ยมชมโครงการ เพื่อให้ผู้ซื้อประหยัดเวลาในการเดินทางเข้าชมโครงการต่างๆ รวมถึงการให้บริการจัดการการลงทุนอัจฉริยะด้วย
เมกะเทรนด์นำสู่นิวสแตนดาร์ด
นางสุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์คอนซัลติ้ง จํากัด หรือ เทอร์ร่า บีเคเค กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคแต่ละเจนเนอเรชั่นมีต้องการที่แตกต่างกันในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านพักตากอากาศ โดยอิงไปกับเทรนด์สำคัญในเรื่องของการประหยัดพลังงาน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ความคุ้มค่า และมาตรฐานด้านความปลอดภัย ที่ไม่ได้มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแบบเดิมๆ เป็นองค์ประกอบสำคัญของการตัดสินใจซื้อมากขึ้นจากปัจจัยทางด้านราคา และทำเล ที่ลูกค้าพิจารณาเป็นลำดับแรกๆ ในอดีต
โดยภาพรวมผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการความเป็นส่วนตัว และต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลางมากขึ้น สมาร์ทโฮมเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ขณะที่ทำเลแนวรถไฟฟ้าหรือติดรถไฟฟ้าอาจไม่ใช่คำตอบแรกในการเลือกซื้อ แต่เน้นขยับพื้นที่อยู่อาศัยห่างออกไปเพราะต้องการหลีกเลี่ยงมลภาวะทางเสียงและฝุ่น ซึ่งเมกะเทรนด์เหล่านี้จะนำสู่ “มาตรฐานใหม่” ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต