ร้านค้าหาดสมิหลาหวังเปิดด่าน ‘ดัน’ ยอดขาย
เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าชายหาดสมิหลาดีใจที่เปิดด่านพรมแดนสะเดา คาดหวังว่าเศรษฐกิจการค้าขายบริเวณชายหาดสมิหลาจะฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่จะต้องใช้เวลาไม่ใช่วันสองวันหรืออาจจะเป็นเดือนมันจึงจะดีขึ้น แต่แค่เปิดด่าน เราก็ดีใจสบายใจว่า พรหมแดนสะเดาเปิดแล้ว
ร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปกว่า 20 ร้านบริเวณชายหาดสมิหลาสงขลา ที่ซบเซามานานจากการได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเข้ามาทำให้รายได้ลดลงอย่างมากและไม่กล้าสั่งเสื้อผ้าเข้ามาในช่วงนี้ ต้องรอดูสถานการณ์และในวันที่ 1 เมษายน 2565 จะมีการเปิดด่านพรหมแตนสะเดา เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าชายหาดสมิหลาต่างดีใจที่ด่านพรมแดนสะเดาเปิด คาดหวังว่าเศรษฐกิจการค้าขายบริเวณชายหาดสมิหลาจะฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
นางณิชามล ชูมนุษย์ เจ้าของร้านณัชชาของฝาก บริเวณชายหาดสมิหลาสงขลากล่าวว่า เราได้ยินมาสักพักเรื่องเปิดด่าน ความคาดหวังของเรา ก็คือ คาดหวังมาก แต่เราก็คิดว่ามันจะกลับมาเหมือนเดิมไหม เราคิดไว้ในใจ แต่เราคิดว่าน่าจะไม่เหมือนเดิมสักทีเดียว มันจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะเราก็รู้ว่า บ้านเขาก็หนักบ้านเราก็หนัก ในการที่ด่านเปิดไม่ใช่อยู่ๆมาเลเซียจะเข้ามา ก็ต้องเริ่มสตาร์ทกันใหม่ตั้งแต่ 1 แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถามว่า แม่ค้าทุกคนหวังไหม หวังค่ะหวังเยอะ หวังณจุดจุดนี้เพื่อให้ด่านเปิด ด่านเปิดแล้วเราก็สบายใจแล้ว แต่ว่าดีหรือไม่ดีเราค่อยมาสู้กันอีกทีหนึ่ง
คิดว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเหมือนเดิมไหม มันมีโอกาสที่จะเหมือนเดิมได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาเหมือนที่ได้บอกไปแล้ว ต้องค่อยๆขยับ เพราะอยู่ๆ มาเลเซียจะเข้ามา 50- 60 คนต่อวันเหมือนเมื่อก่อนมันไม่ใช่ เขาก็ต้องให้เรามั่นใจว่า เขาโอเคแล้ว เราโอเคแล้ว ตอนนี้ที่เราติดและเรากังวลอยู่คือ การเข้ามาของเขาขั้นตอนในการเข้ามามันจะเยอะ เหมือนเราถ้าเราจะไปเที่ยวบ้านเขา ถ้าขั้นตอนมันเยอะแล้วก็ต้องถอดใจไปแล้วครึ่งนึง ไอ้เรื่องตรวจไม่มีปัญหา แต่เรื่องเงินที่ต้องจ่ายในการเข้ามาของเขากับเรามันจะยากนิดนึง เพราะตอนนี้เศรษฐกิจต่างคนต่างก็ไม่โอเคกัน
แต่แม่ค้าหวัง ถามว่าจะดีไหม ดีแต่ต้องใช้เวลาไม่ใช่วันสองวันหรืออาจจะเป็นเดือนมันจึงจะดีขึ้น แต่แค่เปิดด่านเราก็ดีใจแล้ว เราก็สบายใจว่า ด่านเปิดแล้ว ถึงจะมีหรือไม่มีแต่ก็ขอสะกิดไว้นิดนึง เขาไม่ได้จนและเขาไม่ได้รวยเขาเหมือนเราคนที่พอจะมีศักยภาพในการเข้ามาเขาก็มาเป็นครอบครัวไอ้ตรงนั้นที่ทำให้เราฮึดสู้มันก็ต้องมี ก็เมื่อวานแค่เห็นชาวมาเลเซีย 2 กลุ่ม เราก็ดีใจแล้วว่า เขายังมีกำลังยังเข้ามาในบ้านเราอีก โดยเขาบอกว่า มาทางเครื่องบินไปลงกรุงเทพฯ แล้วกลับมาต่อที่หาดใหญ่แล้วมาเที่ยวบ้านเรา แค่นี้เราก็รู้แล้วว่าเขายังโอเคกลับบ้านเรา