WHA ฮอต! ลูกค้าแห่ซื้อที่นิคมฯ ใหม่ เร่งเครื่องรุกธุรกิจ"เฮลธ์แคร์"

WHA ฮอต! ลูกค้าแห่ซื้อที่นิคมฯ ใหม่  เร่งเครื่องรุกธุรกิจ"เฮลธ์แคร์"

การระบาดของโควิด-19 ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่างแทบหยุดชะงัก และแม้ว่าขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง จึงเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง

“นิคมอุตสาหกรรม” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นบรรดาผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศหลายราย เตรียมพร้อมกลับมาลงทุนอีกครั้ง

โดย “จรีพร จารุกรสกุล” ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “กรุงเทพธุรกิจ BIZ INSIGHT” ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 ว่า หลังเปิดตัวนิคมฯ แห่งใหม่ “ดับบลิวเอชเอ ระยอง 36” 

ซึ่งมีเนื้อที่เกือบ 1,300 ไร่ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก มีลูกค้ารายใหญ่สนใจเข้ามาดูพื้นที่จำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อีวี และอิเล็กทรอนิกส์

ด้วยจุดเด่นของนิคมฯ ที่ติดกับถนนใหญ่ ทางหลวงหมายเลข 36 มีทางเข้าออกที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบัง โครงสร้างพื้นฐานเป็นระดับเวิลด์คลาส เมื่อลูกค้ามาเห็นก็สนใจทันที โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ดินในปีแรกทั้งหมด 400 ไร่

 

 

“ตอนนี้เรามีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาดู 300-400 ไร่แล้ว เขาชอบมากเพราะเป็นนิคมฯ เปิดใหม่ ทำให้เขาสามารถดีไซน์ที่ดินแปลงใหญ่ได้อย่างที่เขาต้องการเลย ตัวโลเคชั่นก็ดีมาก พอลูกค้ามาเห็นก็แฮปปี้มากก็อยากจะลงทุนก่อสร้างเลย”

ขณะที่ภาพรวมยอดขายที่ดินปี 2565 ตั้งเป้าไว้ 1,250 ไร่ เติบโต 40% จากปี 2564 ที่มียอดขายรวมทั้งในไทยและเวียดนาม 891 ไร่ และปี 2563 ที่ 510 ไร่ มองว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของกลุ่มนิคมฯ หลายๆ โครงการที่เคยชะลอไว้ก็เริ่มกลับมาเดินเครื่องลงทุนอีกครั้ง

WHA ฮอต! ลูกค้าแห่ซื้อที่นิคมฯ ใหม่  เร่งเครื่องรุกธุรกิจ\"เฮลธ์แคร์\"

ส่วน “กลุ่มโลจิสติกส์” ยังได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยปัจจุบันมีพื้นที่เช่ารวมเกือบ 2.6 ล้านตร.ม. และยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นอีกเกือบ 1.76 แสนตร.ม. 

โดยปีนี้ตั้งเป้าปิดดีลพื้นที่เช่าคลังสินค้ารวม 1.85 แสนตร.ม. และมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองรีท ทั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช หรือ HREIT มูลค่ารวม 4-5 พันล้านบาท

ด้าน “ธุรกิจสาธารณูปโภค” ยังเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดขายน้ำแตะ 153 ล้านลบ.ม. จากปีก่อนที่ 135 ล้านลบ.ม. และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์รวม 700 เมกะวัตต์ จากปีก่อนอยู่ที่ 642 เมกะวัตต์ หนุนให้รายได้รวมปี 2565 เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก จากปี 2564 ที่มีรายได้รวมเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาท

และที่สำคัญปีนี้จะมีการเริ่มเดินเครื่องกลุ่มธุรกิจใหม่ “เฮลธ์แคร์” หลังได้นำร่องด้วยการร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชเดินหน้าพัฒนาด้าน “ดิจิทัลเฮลธ์แคร์” นำเทคโนโลยีมาช่วยสนับสนุนบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สะดวกรวดเร็ว และลดต้นทุน

โดยได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน WHAbit เมื่อปีที่ผ่านมา ทดลองใช้ภายในองค์กร โดยพนักงานเมื่อไม่สบายสามารถปรึกษาคุณหมอผ่านช่องทางออนไลน์ระบบเทเลเมดิซีน (Telemedicine) ไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล คุณหมอสามารถสั่งจ่ายยาและนำมาส่งให้ถึงที่ โดยตัดจ่ายค่าบริการจากประกันได้เลย ไม่ต้องจ่ายก่อนแล้วไปขอเคลมทีหลัง

“เราสนใจเรื่องของเวลเนสและเฮลท์แคร์ ซึ่งสิ่งที่จะทำเฟสแรก คือ ดิจิทัลเฮลธ์แคร์ ผ่านตัวเทเลเมดิซีนร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวชที่มีโรงพยาบาลมีคลินิกอยู่ใกล้ๆ นิคมฯ ของเรา พนักงานสามารถคุยกับคุณหมอผ่านช่องทางออนไลน์ วางแผนการตรวจสุขภาพประจำปี ไปจนถึงออกแบบเฮลธ์ให้กับพนักงานแต่ละคนได้เลย”

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนขยายบริการไปสู่กลุ่มลูกค้าและผู้ประกอบการในนิคมฯ ภายในช่วงครึ่งหลังปี 2565 ตั้งเป้าปีแรกจะมีลูกค้าใช้บริการ 30% ของจำนวนลูกค้าในนิคมฯ ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 2 แสนคน

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาบริการให้สมบูรณ์แบบที่สุดคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของบริษัทเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และอยากให้ลูกค้าในนิคมฯ ได้รับบริการการรักษาที่ดี มีต้นทุนที่ถูกลง และที่สำคัญยังสามารถต่อยอดบริการไปสู่ประชาชนในพื้นที่รอบๆ นิคมฯ และขยายไปทั้งประเทศได้อีกด้วย